แม่นกน้อย เผยอาการป่วย พ่อหลอด ทรุดอีก นอนโรงพยาบาลร่วมเดือน แผลติดเชื้อตัดนิ้ว ลั่นวาจา ขอบวช ให้สามี หวังปาฏิหาริย์เกิดอีกครั้ง

แฟนๆ หมอลำเป็นห่วงอาการป่วยของ พ่อหลอด ประมุขของวงหมอลำ เสียงอิสาน ที่ป่วยหลายโรค อาการทรุดเข้าโรงพยาบาลร่วมเดือนแล้ว โดยมีกำลังใจจากภรรยาคู่ชีวิตอย่าง แม่นกน้อย อุไรพร ที่คอยอยู่เคียงข้างตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 แม่นกน้อย ที่มาร่วมงานแถลงข่าวเทศกาลดนตรี “ยักษ์ เฟสติวัล” ณ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ได้ให้สัมภาษณ์เผยถึงอาการป่วยของ พ่อหลอด หลังทรุดอีกรอบ มีแผลติดเชื้อ ถึงขั้นต้องตัดนิ้ว ซึ่งแม่นกหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนไว้ว่า ถ้าพ่อหลอด หายป่วยกลับมาแข็งแรง เดินได้อีกครั้ง จะขอบวชให้สามี

โดย แม่นกน้อย เผยว่า “ช่วงนี้พ่อหลอดนอนอยู่โรงพยาบาลได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ท่านยังจำอะไรไม่ได้เลย จำแม่นกไม่ได้แล้วค่ะ ณ วันนี้ แต่แม่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยามากกว่า

แม่ก็ได้คุยกับพ่อหลอด ท่านบอกว่าไม่ให้หยุด ทิ้งวงไม่ได้ ไม่ต้องมาเฝ้าพ่อ แม่ต้องไปกับวงดูแลลูกๆ ในวงเสียงอิสาน

อาการพ่อหลอดทรุด? “ค่ะ ตอนนี้ก็ยังอยู่โรงพยาบาล สิ่งที่ท่านเป็นเบาหวาน ความดัน มะเร็ง เป็น แผลกดทับ ตอนนี้ตัดนิ้ว ติดเชื้อ ตัดเท้า ตัดขา

คือคุณพ่อหลอดท่านป่วยมาน่าจะ 5-6 ปีแล้ว มีปาฏิหาริย์มาแล้ว 3 รอบ น่าจะไม่รอดมาแล้วหลายรอบ แต่รอบนี้ถ้าเกิดปาฎิหาริย์อีก เราเองในครอบครัวเสียงอิสาน ก็ยินดี สาธุ ขอกำลังใจจากแฟนเพลง ทุกๆ ท่าน ขอให้ส่งกำลังใจให้พ่อหลอด ผู้สร้างตำนานหมอลำเสียงอิสาน และขอกำลังใจให้แม่นกน้อยด้วยค่ะ

ได้ไปบนบานศาลกล่าว ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม? “ขอหลายที่เลยค่ะ บนไว้หลายอย่าง ถ้าเกิดปาฏิหาริย์คุณพ่อได้กลับบ้านแล้วแข็งแรง แม่ก็จะบวช บวชจริงๆ ค่ะ บวชเป็นแม่ชี บวชโกนหัวเลย

เป็นความตั้งใจของแม่ค่ะ เพราะว่าคุณพ่อตอนที่ท่านได้สติ ขอเราว่าถ้าแม่สื่อได้ ขอได้จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พ่อหน่อยว่า พ่ออยากกลับมาเดินได้ กลับมาแข็งแรง

ลั่นวาจาไว้ คือแม่เคยบวชมาแล้วรอบนึง อันนั้นคือเกิดปาฏิหาริย์วงสะดุด คุณพ่อหลอดบอกว่าพ่อจะพาแม่ไปบน แม่จะบนอะไร คิดไม่ออกเลย

แล้วแม่อยากบอกว่า ผู้หญิงบวชเนี่ย ถ้าพลังศรัทธาไม่พอ ไม่มีบุญ ก็บวชไม่ได้ รอบนั้นแม่ก็เกิดปาฏิหาริย์ ได้บวชไปแล้วรอบนึง จนวงกลับมายืนได้

สิ่งที่แม่นกน้อยตั้งใจในครั้งนี้ที่บนไว้ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะว่าท่านคือประมุขของบ้านตองห้า จะเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่รู้”