นุ๊ก หวงไม่พร้อมแชร์ลูกกับใครแม้แต่พ่อ เพื่อนลูกมาคุยต้องคิดใหม่ ห่วงสอบแพทย์หนักไป

Home » นุ๊ก หวงไม่พร้อมแชร์ลูกกับใครแม้แต่พ่อ เพื่อนลูกมาคุยต้องคิดใหม่ ห่วงสอบแพทย์หนักไป


นุ๊ก หวงไม่พร้อมแชร์ลูกกับใครแม้แต่พ่อ เพื่อนลูกมาคุยต้องคิดใหม่ ห่วงสอบแพทย์หนักไป

เพื่อนลูกเข้ามาคุยกับแม่ลูกมีแฟนเรามีลูกสาวเพิ่มก็ดี นุ๊ก สุทธิดา รับหวงไม่พร้อมแชร์ลูกกับใครแม้แต่พ่อ สุดท้ายทัศนคติเปลี่ยน ห่วงเตรียมมุ่งสอบเข้าแพทย์หวั่นหนักไป

อดีตนักร้องยุค90 ควบตำแหน่งคุณแม่ลูก 3 สำหรับ ‘นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา’ ที่วันวาเลนไทน์นี้ ควงลูกชายมาร่วมเติมความรักด้วยการมาเลี้ยงอาหารกลางวันน้องๆ และมอบเงิน 1 แสนบาท ให้กับมูลนิธิบ้านพระพร-คริสเตียน เรือนจำพันธกิจ ย่านบึงพระราม9

หลังจากเสร็จกิจกรรม นุ๊ก ได้อัพเดตเรื่องราวของลูกชายทั้ง 3 คน ซึ่งคนโตเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนคนกลางกำลังจะเข้าต่อระดับอุดมศึกษา ส่วนคนเล็กปีหน้าถึงจะให้เข้าเรียนระดับประถมศึกษา รวมถึงเรื่องความรักของลูกๆ ที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น พร้อมตั้งรับหากลูกจะมีแฟน

นุ๊ก เล่าว่า “ปิ๊ปโป้ เขาเพิ่งจะ 18 เต็มนะคะ เป็นหนุ่มแล้ว เข้ามหาวิทยาลัยเทอม 1 แล้ว เขาชอบพวกคอมพิวเตอร์ ก็เรียนคณะไอที คนนี้เขาจะไม่ค่อยแวะไหน เขาติดบ้าน แบบเด็กติดเกม เด็กเนิร์ด ก็จะอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่เวลาจะออกจากบ้านอย่างช่วงโควิดเขาบอกวันนี้จะออกจากบ้านนะ เราก็ตื่นเต้น ลูกจะออกจากบ้านไปงานแข่งเกม ออกตั้งแต่ 9 โมงเช้า พอเที่ยงปุ๊บอ่าวกลับมาบ้านแล้ว”

ที่ผ่านมาเป็นโควิดด้วยเป็นห่วงยังไงบ้าง?
“เป็นห่วงไม่ใช่แค่โควิด แต่เดี๋ยวนี้สังคมเราบางทีมีตีกัน มีปล้นมือถือ ความเป็นแม่ก็ห่วง ไม่ได้ห่วงว่าลูกจะไปเถลไถลที่ไหนหรอก บางทีก็อยากให้ไปบ้าง แต่ว่าเราห่วงความปลอดภัยในสังคมมากกว่า เขาจะรู้ดีว่าแม่จะต้องให้ส่งรูปตลอดเวลา (หัวเราะ) ส่งรูปมาดูซิมีชีวิตอยู่ไหม เวลาเขาหายไปนานเราจะใจไม่ดี เราจะคิดว่าใครจะมาทำร้ายหรือเปล่า ใครมาชิงมือถือไหม จะได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือเปล่าแบบนี้ เรารักลูกมาก”

“ปาแปงเพิ่งจะสอบผ่านมัธยมปลายไป อายุครบ 16 พอดี รอเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้กำลังทำพอร์ตโฟลิโอ ด้วยที่พื้นฐานเขาเรียนเป็นภาษาอังกฤษ คณะแพทย์ที่เป็นอินเตอร์ก็มีจำกัดไม่ได้มีทุกมหาวิทยาลัย แต่น่าจะมีที่เขาเล็งไว้แล้ว ตอนนี้เขาไม่ค่อยกล้าออกทีวีเขากลัวโดนบังคับให้เป็นดารา แต่แม่ไม่ได้บังคับ เขาก็บอกว่าเขาอยากเป็นหมอจริงๆ ซึ่งเราไม่ค่อยซัพพอร์ตเขาเท่าไหร่ เอาจริงๆ เพราะอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ต้องมีความรับผิดชอบมากเลย เราก็กลัวว่าเขาจะหนักเกินไป แต่ก็ต้องยอมเพราะเขาแสดงเจตนาชัดเจน ก็ลุ้นว่าจะสอบผ่านหรือไม่ผ่านด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะมองว่าเขาเป็นศิลปิน แต่ถ้าเขาชอบทางนี้จริงๆ คนเราเป็นแม่ก็ได้แค่ซัพพอร์ตจริงๆ”

“ส่วนอดัมตอนนี้ก็ เพิ่งจะ 6 ขวบ ก็แพลนจะเข้า ป.1 ตอน 7 ขวบ ตอนนี้ก็โฮมสคูล เราก็ติวเขา ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เล็งที่ไหนไว้เลย แต่ถ้าที่ไหนมีสอบเข้าก็ต้องไปสอบดู (อยากให้เรียนที่ไทย?) อยากให้เรียนที่ไทย แต่คุณพ่อเขาอยากให้เรียนที่ประเทศเขา เรารู้สึกว่าเด็กเล็กก็ควรอยู่กับพ่อแม่มากกว่าค่ะ อดัมมีความฉลาดมาก ตอนนี้เขาเริ่มท่องสูตรคูณได้แล้ว เราก็สอนเท่าที่ลูกไปได้ ไม่บังคับ ไม่ตี วันไหนตั้งใจก็สอนเยอะหน่อย วันไหนไม่ตั้งใจก็ได้นิดหน่อย ไม่เยอะมาก”

“เด็กแต่ละคนมีความเก่งความชอบอะไรที่แตกต่างกัน ปิ๊ปโป้เห็นเขากวนๆ แต่พอถึงเวลาเขาถ่ายรูปส่งตลอด เขาทำให้เราสบายใจโดยการส่งรูปให้ตลอด เราไม่ได้อยากรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน เราแค่อยากรู้ว่าปลอดภัยดีไหมค่ะ เป็นพี่คนโตได้ดี”

เข้มงวดยังไงบ้าง สไตล์การเลี้ยงคือเน้นเหตุผล ไม่ตีเลยใช่ไหม?
“มีบ้างตอนรุ่นปิ๊ปโป้ เราก็ไม่รู้ว่าอันไหนผิดไหนถูก เขาเป็นรุ่นทดลอง แต่อดัมจะผ่านรุ่นทดลองมาแล้ว อดัมก็จะเลี้ยงแบบคลำมาหน่อย”

ปิ๊ปโป้ เข้าสู่วัยรุ่นแล้ว เรื่องมีแฟน หรือสาวๆ คุณแม่ว่ายังไง?
“อย่างที่เคยบอกเมื่อก่อน เราเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม เราไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเราต้องไปแชร์ลูกกับใคร แม้แต่พ่อของเขายังเพิ่งจะก้าวเข้ามาในชีวิตเลย เราไม่เคยรู้สึกว่าเราจะแชร์ลูกกับใคร แต่พอวันหนึ่งลูกโตขึ้น ต้องมีครอบครัวเราก็คิด ทีแรกคิดไม่ออกก็ต้องหวง จนวันหนึ่งมีน้องคนหนึ่งมาชอบปาแปง แล้วเขามาคุยกับเรา ก็รู้สึกเอ็นดูจังเลย ก็อ๋อถ้าลูกมีแฟนเท่ากับเรามีลูกสาวเพิ่ม อ๋อก็ดีสิ (ยิ้ม)”

เตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องความรักของลูกๆ?
“ฝั่งปิ๊ปโป้น่าจะมีลูกสาวอีกหลายคนเลย (หัวเราะ) แต่ถ้าปาแปงเขาจะซีเรียสเรื่องความรัก เขาบอกว่าเขาจะไม่มีแฟน เขาจะอยู่คนเดียว (มีตั้งกฎอะไรไว้บ้างไหม?) ไม่เลยค่ะ ให้เป็นเรื่องของเด็กๆ แต่เราก็สอนในแง่กฎหมาย ว่าการที่เราจะไปเจอจะไปอยู่กับเขาได้มีขอบเขตแค่ไหน เพราะยังไงตอนนี้เขาก็เป็นเด็กอยู่เลย”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ