โตโน่ ไม่เสียดาย เคยรัก 'แตงโม' เปิดใจวันครบรอบ ไม่มีอะไรติดค้าง ทำดีที่สุดในฐานะอดีตคนรัก

Home » โตโน่ ไม่เสียดาย เคยรัก 'แตงโม' เปิดใจวันครบรอบ ไม่มีอะไรติดค้าง ทำดีที่สุดในฐานะอดีตคนรัก


โตโน่ ไม่เสียดาย เคยรัก 'แตงโม' เปิดใจวันครบรอบ ไม่มีอะไรติดค้าง ทำดีที่สุดในฐานะอดีตคนรัก

โตโน่ ไม่เสียดาย เคยรัก ‘แตงโม’ เปิดใจวันครบรอบ ไม่มีอะไรติดค้าง ทำดีที่สุดในฐานะอดีตคนรัก

เปิดใจหลังบวช โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เผยความรู้สึกระหว่างศึกษาพระธรรม ตอบแทนชาวไทย และชาวสปป.ลาว พร้อมเปิดความในใจถึงอดีตคนรัก แตงโม นิดา ไม่มีอะไรติดค้าง เพราะในช่วงระยะเวลาที่รักกันทำดีที่สุดแล้ว ในงานแถลงข่าว ขุนพันธ์ 3 พร้อมเปิดตัวอย่างตัวเต็มของภารกิจครั้งล่าสุด ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์

เป็นอย่างไรบ้าง กับบวชมา 7 วัน?เรามีเวลาบวชแค่ 7 วัน ก็พยายามทำกิจของสงฆ์ให้ดีที่สุด เวลาว่างก็จะน้อยเพราะมีพี่น้องประชาชนทั้งฝั่งไทย ฝั่งลาวมาตักบาตร ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจครับที่เห็นภาพคนมากันเต็มโบสถ์ อาจจะเหนื่อยหน่อยตอนบิณฑบาตร แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ

ส่วนตอนกลางคืนพระอาจารย์จะพานั่งวิปัสสนา ถ้ามีเวลาว่างก็ค่อยทำเพิ่ง 7 วันเรารู้ว่าเวลาน้อยแต่ในทุกๆวันเราได้ทำหน้าที่ของสงฆ์ให้ดีที่สุด เพื่อทุกๆคนด้วยเราก็ตั้งใจทำ ที่ทุกคนมาช่วยกัน เราก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไง การบวชก็น่าจะเหมาะสมที่สุด ขอให้ทุกคนแข็งแรง มีความรักที่ดี มีเงินทองที่ดี มีความสุข ก็ดีใจครับ”

ยอดบริจาคเกินที่คาดหวังไว้เยอะมาก? “ใช่ครับ จริงๆ ได้เท่าไหร่ผมก็ดีใจแล้วครับ พยายามช่วยให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะช่วยได้ ทำได้ แต่พอมันเกินเป้าไปเยอะ จากที่เราอยากจะได้เตียงไอซียูเด็ก 1 เตียงให้ฝั่งนครพนม อยากได้เครื่องเอ็กซ์เรย์สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ที่ทางฝั่งลาว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า ฝั่งนครพนมได้ศูนย์หัวใจเลย ส่วนทางฝั่งลาวก็ได้อุปกรณ์ทุกอย่างที่เขาต้องการ ก็ดีใจกับทุกๆคน เป็นเพราะทุกๆคนช่วยกัน”

หลังจากนั้นเราทำอะไรต่อ? “หลังจากลาสิขาออกมาก็มาอยู่อยุธยาครับ คุยกับวงกับผู้จัดการว่าเดือนมกราคม ขอเป็นเดือนที่ไม่ทำอะไรเลย ที่มาอยู่อยุธยา เรารู้ว่าเดี๋ยวเราต้องโปรโมตหนัง ทัวร์คอนเสิร์ต ไปบวชเราก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ไปอยู่ที่นั่นเราได้เก็บตัวซ้อมกับเพื่อนๆ ทีมฟุตบอล ได้ฟิตเนส ว่ายน้ำ ได้เตรียมความพร้อม แล้วโชคดีที่ปีนี้อากาศเย็นหลายวัน ผมได้เอามอเตอร์ไซค์ไปขี่เล่นรอบเมืองตอนกลางคืน เหมือนได้พักผ่อนไปในตัวด้วย”

ได้เตรียมตัวกับสโมสร? “ก็ได้กลับไปทำหน้าที่นักฟุตบอลตามที่สัญญากับทางทีมไว้ว่าถ้าเราว่าง มีเวลาจะไปซ้อมร่วมกับทีม ไปให้กำลังใจเพื่อนๆ ผมก็มีลงบ้างแต่เราไม่ได้เก่งขนาดจะไปเป็นตัวจริงได้ ถ้าจะให้ไปเสริม ไปให้กำลังใจเพื่อนๆ เรายินดี คงจะอยู่ถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ปีที่ผ่านมาเรียกว่าผมได้ทำทุกอย่าง ได้ใช้ร่างกายเปลืองมาก เลยขอกับทีมว่ามกราคมขอพัก ไม่ทำอะไรเลย กุมภาพันธ์-เมษายนก็คือแน่นเลยครับ”

พอได้กลับมาใช้ชีวิตตัวเองจากที่ผ่านเรื่องหนักๆมาเป็นยังไงบ้าง? “มันก็หนักมาตั้งแต่ต้นปีตั้งแต่เรื่องของโม มาจนขุนพันธ์ จนมาเตรียมร่างกายสำหรับว่ายน้ำ ป่วยด้วยแต่ก็ต้องฝึกไปด้วย เป็นปีที่หนักแต่ก็ดี นอกจากเราพัฒนาร่างกายแล้วเรายังได้พักใจบ้างเพื่อเตรียมลุยกับงานในปีนี้ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีของผม”

เวลาให้ณิชาละ? “ก็มีนะ ถ้ามีเวลาว่างก็จะพาเขาไปทานข้าว ถ้าณิชาว่างบางทีเขาก็จะไปเชียร์ผมที่อยุธยา ได้พาเขานั่งรถรอบเมือง พาคุณแม่ณิชา คุณแม่ผมไปด้วย ได้พาไปพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ไปชมกรุทองคำที่ขุดเจอในอยุธยาทั้งหมด สวยงามมาก ผมไปมา 5 รอบแล้ว น้องก็ชอบมากๆ รวมถึงศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด เป็นที่ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสไปชมกัน งดงามมาก”

ณิชาเข้าใจ? “ก็เคยถามเขานะครับว่าเคยคิดไหมว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เพราะเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราคบกันตอนไหน เราไม่เคยพูดว่าเราเป็นแฟนกันเถอะ มันไม่ได้เริ่มมาจากอย่างนั้น ก็มีถาม เขาก็บอกว่าก็มันได้คบมาแล้ว(หัวเราะ) ล้อเล่นครับ เขาก็บอกว่าเขาเข้าใจ เป็นกำลังใจให้ คอยซัพพอร์ต ก็ขอบคุณเขาด้วย อาจจะมีงอแงบ้าง

แต่เราก็พยายาม(หัวเราะ) พาไปทานของที่อร่อย ถ้าเวลาเราน้อยเขาอาจจะเริ่มบ่นว่าเห็นฟุตบอลสำคัญ เราก็บอกมาได้นะที่อยุธยา จริงๆไม่ใช่แค่ณิชานะ คุณแม่ก็มี จริงๆแล้วที่ชวนแม่มาคือจะแข่งบอลใช่ไหม ไม่ใช่อยากจะชวนแม่มาเที่ยวหรอก แต่ว่าเรายิงปืนนัดเดียวได้นก2ตัว ก็พยายามบริหารเวลา”

อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบการจากไปของแตงโมแล้ว?ตอนที่เราได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกันเราทำดีที่สุดแล้วครับ ผมเลยไม่มีอะไรที่ติดค้าง เสียใจ หรือเสียดายอะไร ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับโม เราก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน ก็ได้คุยกัน เขาก็ได้พูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด เขาก็ดีใจที่เขาได้พูด ผมคิดว่าระหว่างเรา..ให้เก็บเป็นความทรงจำที่ดีดีกว่า ดีที่สุดแล้ว

คนรอบตัวยังรู้สึกว่ามันเหมือนความฝันไม่ใช่เรื่องจริง?มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ตัวเราเอง ชีวิตผมอยู่กับเรื่องของความสูญเสียมาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยค่อนข้างจะเข้าใจได้ว่าบางทีเราทำได้แค่ควบคุมในสิ่งที่เราทำได้ ดูแลตัวเอง ให้เกียรติผู้อื่น แต่ว่าเราจะอยู่ได้นานขนาดไหน อันนี้เราไม่สามารถกำหนดได้

อันนี้ผมว่าไม่สำคัญนะว่าเราจะอยู่ได้ถึง 80-90 ปีหรอก มันสำคัญที่ว่าตอนเราอยู่เราทำอะไรมากกว่า เราทำอะไรให้กับบ้านเมืองเราบ้าง ทำอะไรให้กับเพื่อน ให้กับครอบครัวเราบ้าง เราทำอะไรให้กับความฝันของเราเองบ้าง ถ้าอยู่ไปหลายๆ ปี แต่ไม่ทำอะไรไว้เลย ผมว่าสำคัญที่ตอนอยู่ครับ ไม่ได้สำคัญที่ระยะเวลา”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ