เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่กำลังเป็นกระแสช่วงนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ได้ออกมาแฉกลโกงรูปแบบใหม่ของมิจฉาชีพ โดยมิจฉาชีพจะให้สายชาร์จในการดูดข้อมูลของเจ้าของเครื่อง ก่อนที่จะทำการโอนเงินออกจากแอพฯ ธนาคาร ก่อนที่เจ้าของเครื่องจะทันรู้ตัว
โดยหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทำเอาชาวเน็ตถึงกับเสียงแตกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อีกฝั่งก็บอกว่ามันเป็นไปได้
ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ก็ได้ออกมาโพสต์แจ้งเตือนภัยเสียบสายชาร์จไม่ระวัง เสี่ยงถูกแฮกข้อมูลไม่รู้ตัว โดยระบุว่า ปัจจุบันพบว่ามีสายชาร์จที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ที่เมื่อเราเสียบสายชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว จะทำให้เหล่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของเราได้จากระยะทางไกล โดยเเฮกเกอร์จะสามารถโจรกรรมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เลขบัญชีธนาคาร, รหัสธนาคาร, รหัสผ่าน หรืออาจจะถูกส่ง Malware อันตรายเข้ามายังอุปกรณ์
ซึ่งรูปร่างหน้าตาของสายชาร์จดังกล่าว จะมีหน้าตาคล้ายกับสายชาร์จทั่วไป มีทั้งสายชาร์จแบบ Lightning, Micro-USB หรือ USB-C จึงอาจทำให้หลายคนไม่ทันระวังตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการถูกแฮกข้อมูล ควรระมัดระวังการใช้สายชาร์จของคนเเปลกหน้า หรือ การเสียบสายชาร์จไฟจากพอร์ทรูปแบบต่างๆตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, สถานีโดยสารต่างๆ
ล่าสุดเพจสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องกับสื่อมวลชน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกข้อมูลโทรศัพท์ ขณะชาร์จโทรศัพท์มือถือ แล้วโอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคาร ซึ่งมีผู้เสียหายมากกว่า 10 คน ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
โดยผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าว่า โทรศัพท์ของตนอยู่ๆ หน้าจอดับ แต่โทรศัพท์สั่นใช้การไม่ได้ ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้นโทรศัพท์กลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่แอพฯ ของธนาคารกลับแจ้งเตือนว่า แอพฯ ของธนาคารไม่ได้ถูกติดตั้งโดย playstore จึงลบแอพพลิเคชั่นออกและติดตั้งใหม่ ซึ่งตอนนั้นเงินยังไม่ได้หายออกไปจากธนาคาร จนกระทั่งวันที่ 11 มกราคม ช่วงเวลา 10.00-12.30น. เอาโทรศัพท์ไปชาร์ทแบต และนอนหลับไป ราวบ่าย 3 โมง ตื่นขึ้นมาดูโทรศัพท์พบว่าเงินในแอพพลิเคชั่นธนาคารได้หายออกไปจากบัญชี 92,709 บาท เข้าบัญชีนาย จักรกฤษ นาผม
อีกทั้งผู้เสียหายอีกรายก็ได้ออกมาเล่าว่า ขณะที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะ จู่ ๆ มีข้อความและสลิปจากธนาคารแจ้งเข้ามาว่า มีการโอนเงินจากแอพฯธนาคาร ไปยังบัญชีของนาย จักรกฤษ นาผม 100,000 บาท เบื้องต้นทั้งคู่ไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
ซึ่งพบว่า เงินของผู้เสียหายจะถูกโอนเข้าไปในหลายบัญชี แต่หลักๆ ที่ถูกโอนเข้าไป คือบัญชีของนาย จักรกฤษ นาผม และผู้เสียหายบางคนสูญเงินไปกว่า 500,000 บาท โดยพบข้อสังเกตว่า โทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกแฮกจะเป็นโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ android
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY