ประหนึ่งการส่งมอบ “ข้อมูล” ระหว่าง “ชูวิทย์” กับ “รังสิมันต์” จะเป็นเรื่อง “ส่วนตัว”
เห็นได้จากเหตุผลที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ประทับใจต่อบทบาทของ นายรังสิมันต์ โรม ตั้งแต่เคลื่อนไหวในนามของ “คนอยากเลือกตั้ง”
เพราะว่าเป็น “ธรรมศาสตร์” เลือด “เหลืองแดง” เหมือนกัน
แต่ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ข้อมูลในมือของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คือ “ธุรกิจสีเทา” และเบื้องหลัง นายรังสิมันต์ โรม คือพรรคก้าวไกล
ไม่ว่า “ธุรกิจสีเทา” ไม่ว่า “ก้าวไกล” ล้วนสำคัญ
บทบาทของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในกรณี “ธุรกิจสีเทา” ถือได้ว่ายอดเยี่ยม เยี่ยมยุทธ์
ทั้งๆ ที่ออกโรงในแบบ “ศิลปินเดี่ยว” แต่จากพื้นฐาน 1 ดำรงอยู่ใน “ธุรกิจสีเทา” มาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน 1 มากด้วยความจัดเจนทางการเมือง
“ธุรกิจสีเทา” จึงกลายเป็นเรื่องในทาง “สาธารณะ”
กลายเป็นข่าวในระดับพาดหัวไม่ว่าจะเป็นสื่อเก่าอย่างโทรทัศน์อย่างหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อใหม่ในโลกแห่ง “โซเชี่ยลมีเดีย”
สถานะ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สูงเด่นในสังคม
ขณะเดียวกัน บทบาทของพรรคก้าวไกลก็ถือได้ว่าเป็นพรรคแห่งความหวัง
พรรคอนาคตใหม่สามารถสร้างปรากฏการณ์จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ได้อย่าง เหนือความคาดหมาย
ชนะพรรคประชาธิปัตย์ ชนะพรรคภูมิใจไทย
แม้จะถูกขบวนการ “นิติสงคราม” เล่นงาน บดขยี้ นำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 แต่บทบาทของพรรคก้าวไกลก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเมืองใหม่
การเมืองที่อยู่กับ “ข้อมูล” การเมืองที่แนบแน่นกับ “ประชาชน”
ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เลือก นายรังสิมันต์ โรม จึงเป็นการเลือกที่สายตายาวไกล
นั่นก็คือ มองผ่านจาก นายรังสิมันต์ โรม ไปยังบทบาทและการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลที่สามารถวางใจได้ในการเคลื่อนไหวในเวทีรัฐสภา
นี่จึงเป็นเรื่องที่รักเข้าใจในรัก ขนมพอสมกับน้ำยา