‘รวมไทยสร้างชาติ’ โวลั่น มองข้าม 25 เสียง หวังกวาด ส.ส. 100 ที่นั่ง บิ๊กเนม จ่อร่วมพรรคเพียบ หวัง “บิ๊กตู่” ร่วมขับเคลื่อน ไม่หวั่นเงื่อนเวลานายกฯ 2 ปี
วันที่ 24 ธ.ค.65 นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทำให้มีนักการเมืองจำนวนมากไหลตามเข้ามาอยู่กับพรรคจะจัดสรรอย่างไร ว่า ไม่เป็นปัญหา ปกติพรรคตั้งใหม่สิ่งที่น่ากลัวคือคนไม่มา การที่มี ส.ส.ประสงค์จะมาร่วมกิจกรรมการเมืองจำนวนมากก็ไม่เป็นไร พรรคมีวิธีจัดการให้ทุกคนมีบทบาทในพื้นที่ได้แน่นอน
“มามากขนาดไหนพรรครับได้แน่นอน และที่ผ่านมามีการพูดคุยกับ ส.ส.บิ๊กเนมแต่ละพื้นที่มาจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจน แล้วจะมีคนไหลเข้ามาจำนวนหนึ่ง และข่าวที่มีการพูดกันว่าจะมีส.ส.เข้ามาร่วมประมาณ 40 คน ก็คิดว่าไม่ได้คลาดเคลื่อนมาก และอาจจะมากขึ้นก็ได้ อีกทั้งยังมีบิ๊กเนม ที่ไม่ได้เป็นส.ส. เช่น นายกฯอบจ. หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่มีแสงในตัวในจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีโอกาสดีกว่าส.ส.ปัจจุบันเสียอีก มีจำนวนเกิน 100 คน ขณะนี้เรามีผู้สมัครที่สู้ได้ในทุกภาค”นายเอกนัฐกล่าว
เมื่อถามว่ามีคนเข้ามามากเช่นนี้แล้วได้ประเมินหรือไม่ว่าจะได้ ส.ส.ประมาณเท่าไหร่ นายเอกนัฐ กล่าวว่า มีคนเคยถามว่าจะได้ ส.ส.เกิน 25 เสียงหรือไม่ ตนยืนยันว่าเกินแน่นอน เพราะจากผลสำรวจแค่ภาคเดียวก็เกินแล้ว ใจตนหากได้แตะ 100 คน ก็เป็นเรื่องดี จะได้เป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด จะได้มีกำลังผลักดันสิ่งที่เราบอกประชาชนไว้ และสิ่งสำคัญกว่าการเป็นพรรคใหญ่คือมาแล้วต้องทำประโยชน์ให้ประเทศ เป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแบบนั้นเราก็ไม่เอา
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าหลังการเลือกตั้งจะได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายเอกนัฏ กล่าวว่า การจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องดูผลการเลือกตั้งก่อน แต่ถ้าวิเคราะห์จากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวชัดเจนและดูว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศ ถ้าทุกอย่างเป็นตามที่คาดการเราจะได้ ส.ส.จำนวนไม่น้อย มีโอกาสร่วมกับพรรคการเมืองอื่นจัดตั้งรัฐบาลได้
เมื่อถามถึงบทบาทของพล.อ.ประยุทธ์ หลังจากเข้าพรรคมาจะมีตำแหน่งอะไรนั้น เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เราคงต้องดำเนินการตามขั้นตอนก่อน คงเริ่มจากเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นสมาชิกพรรค เพราะใจตนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้เกิดความชัดเจน ร่วมแคมเปญหาเสียงไม่ใช่เป็นแคนดิเดตลอยๆ ที่ผ่านมาก็เห็นข้อจำกัดระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับพรรคที่สนับสนุน ครั้งนี้จึงอยากให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า การเป็นนายกฯได้อีกแค่ 2 ปี จะมีปัญหาในการหาเสียงหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหาเลย คนดี ทำงาน 1 ปี 2 ปี มีค่าเท่ากันและถ้าดูตามหลักวิทยาศาสตร์คำนวนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะเหลือเกินเวลา 2 ปีครึ่ง น่าจะเกินค่าเฉลี่ยรัฐบาลที่ผ่านๆมาของประเทศแล้ว และหากไปถึงจุดนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีส่วนขับเคลื่อนประเทศ ท่านยังเป็นกำลังสำคัญได้อยู่ ส่วนตำแหน่งนายกฯก็มีกลไก ถึงวันนั้นค่อยไปดูว่าใครเหมาะสมไม่มีปัญหา ถ้าไม่พอใจปรับใหม่หมด จะยุบสภาฯก็ทำได้ เวลา 2 ปีกว่าจะ 3 ปี ถือว่ามากเกินพอที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสานต่อภารกิจที่ค้างคาและต่อยอดวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดเด่นของพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฐ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่เราจะพลิกโฉมประเทศด้วยการสังคยานากฎระเบียบ กติกา กฎหมายต่างๆ เพราะที่ผ่านมาทุกรัฐบาลแข่งเอาเงินงบประมาณไปใช่แต่ประเทศดีขึ้นจากหลังมือเป็นหน้ามือหรือยัง ตนคิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่เราต้องมาทบทวนเรื่องกติกาต่างๆ ปัญหาทุกอย่างจะโยงมาที่กติกากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เราต้องแก้ไขเพื่อให้ประเทศได้เก็บเกี่ยวพัฒนาต่อยอดโดยให้สังคมมีความเท่าเทียม
เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ จะจับมือร่วมกันทำงานได้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร เวลานี้แต่ละพรรคต้องเร่งแสดงจุดยืนของตัวเองแล้วไปแข่งขันในสนามเลือกตั้ง ได้ส.ส.เท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล ว่าจำนวนเป็นอย่างไร จุดยืนตรงกันหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องว่าหลังเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าจุดยืนของรวมไทยสร้างชาติ ถ้าจำเป็นจริงๆสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายค้านในปัจจุบันได้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า คนมองว่าเราเป็นพันธมิตร เป็นกปปส. แต่ปัจจุบันมีคนเสื้อแดงมาร่วมงานกับรวมไทยสร้างชาติจำนวนมาก เราไม่ยึดติดความขัดแย้งในอดีต เราคิดว่าทุกคนที่มีแนวคิดตรงกันอยากเข้ามาทำการเมืองเพื่อส่วนรวม อยากทำการเมืองอย่างสุจริตสร้างพรรคการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชน ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ถ้าคิดแบบนี้ไปกันได้ แต่ถึงเวลานั้นก็ต้องมาทบทวนอีกทีว่าพรรคไหนคิดเหมือนเราหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ปิดทางร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆใช่หรือไม่ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า “มันจะไปปิดทางในเร็ววันแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่อยากพูดไปเดียวหาว่าเราปฏิเสธคนนั้นคนนี้ วนเวียนอยู่กับความขัดแย้งอีก วันนี้เราต้องเดินไปข้างหน้า”