“ก้าวไกล” บี้ถาม กองทัพเรือ ปมเรือหลวงสุโขทัยจมทะเล เพราะตั้งงบซื้อเรือดำน้ำ จนขาดงบซ่อมบำรุงหรือไม่ ชี้ไม่เคยเกิดเหตุเรือรบหลักจมด้วยสภาพอากาศ
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัย ประสบอุบัติเหตุคลื่นลมแรง จนทำให้มีกระแสน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก และได้จมลงใต้ทะเล ว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรือรบหลักของกองทัพเรือไทยที่จมด้วยสภาพอากาศ หรือเหตุขัดข้องทางเทคนิคมาก่อน
“ความเสียหายจากการสูญเสียครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงชีวิตของทหารประจำเรือ หรือมูลค่าเรือที่อยู่ในหลักหลายพันล้านบาท แต่ยังหมายถึงการสูญเสียศักยภาพการป้องกันประเทศด้วย เพราะเรือที่มีขีดความสามารถในระดับเดียวกับเรือสุโขทัย เหลือเพียง 4 ลำเท่านั้น” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนติดตามงบประมาณกองทัพ โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือมาโดยตลอด ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่เรือสุโขทัยจมลงจากพายุ เป็นเพราะความผิดพลาดของลูกเรือ ผู้บังคับการเรือ หรือจากความผิดปกติของระบบบังคับการต่างๆ ของเรือ เช่น เครื่องยนต์ เครื่องสูบน้ำ
นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า เพราะหากเกิดจากสาเหตุหลัง ย่อมหมายความว่ากระบวนการบำรุงรักษาของกองทัพเรือมีปัญหา ซึ่งตนไม่แปลกใจ เพราะหลายปีที่ผ่านมาในการจัดทำงบประมาณ กองทัพเรือจัดสรรงบจำนวนมากเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ โครงการต่างๆ ที่สนับสนุนเรือดำน้ำ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ จนต้องลดงบประมาณในส่วนอื่นๆ ลง
นายพิจารณ์ กล่าวว่า นอกจากนั้น ในส่วนของงบประมาณในการซ่อมบำรุงและส่งกำลังบำรุง ตนพบว่าการเบิกจ่ายล่าช้า ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทั้งปีงบประมาณ 2563-2564 แต่กลับมีการโอนเปลี่ยนแปลงงบ ไปซื้อยุทโธปกรณ์อื่นที่ไม่ได้ของบผ่านสภา ไม่ว่าจะเป็น ยานเกราะสะเทินน้ำสะเทินบก ยานเกราะ 4 ล้อ
นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า ตนรอแถลงการณ์จากกองทัพเรือ ว่าจะมีความคืบหน้าในการหาสาเหตุของเรือจมครั้งนี้อย่างไร และในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร จะติดตามเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อให้งบประมาณของประเทศถูกใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ และประสิทธิภาพการรบของกองทัพไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่การใช้งบเพื่อหาเงินทอน