อีลอน มัสก์ เปิดโหวต “ควรลาออก” จากตำแหน่งซีอีโอทวิตเตอร์หรือไม่

Home » อีลอน มัสก์ เปิดโหวต “ควรลาออก” จากตำแหน่งซีอีโอทวิตเตอร์หรือไม่


อีลอน มัสก์ เปิดโหวต “ควรลาออก” จากตำแหน่งซีอีโอทวิตเตอร์หรือไม่

อีลอน มัสก์ เปิดโหวต “ควรลาออก” จากตำแหน่งซีอีโอทวิตเตอร์หรือไม่

บีบีซี รายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทวิตเตอร์ ขอให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ติดตามตนกว่า 122 ล้านคน ร่วมกันโหวตว่าตนควรลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารทวิตเตอร์หรือไม่ ภายหลังเผชิญหน้ากับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานภายหลังทวิตเตอร์ ระบุว่า จะระงับบัญชีหากผู้ใช้งานโปรโมตตัวเองโดยแชร์ลิงก์จากแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่นอกเหนือจากทวิตเตอร์ แต่ยังอนุญาตให้แชร์เนื้อหาจากแพลตฟอร์มอื่นได้เหมือนเดิม ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบัญชีที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) มาสโทดอน (Mastodon) ทรูธโซเชียล (Truth Social) ทรีเบล (Tribel) นอสทร์ (Nostr) และโพสต์ (Post)

ทวิตเตอร์ระบุตัวอย่างการละเมิดกฎ เช่น ติดตามฉัน @ชื่อผู้ใช้บนอินสตาแกรม หรือตรวจสอบโปรไฟล์ของฉันบน Facebook – facebook.com/username สำหรับผู้ละเมิดกฎครั้งแรกทางทวิตเตอร์อาจขอให้ลบทวีตที่เข้าข่ายโปรโมตตัวเองจากแพลตฟอร์มอื่นหรืออาจถูกระงับบัญชีชั่วคราว

ไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศข้อกำหนดใหม่ นายมัสก์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “การแชร์ลิงก์เป็นครั้งคราวเป็นเรื่องปกติ แต่จะไม่มีการโปรโมตแพลตฟอร์มคู่แข่งอีกต่อไป” ขณะที่นายโนแมน บาร์ดิน ซีอีโอของโพสต์ แย้งว่า “เราทำให้ง่ายต่อการเพิ่มลิงก์โซเชียลมีเดียทั้งหมดของคุณไปยังโปรไฟล์เนื่องจากไม่มีใครใช้เพียงแพลตฟอร์มเดียว เสรีภาพ = ทางเลือก

ก่อนหน้านี้นายมัสก์ทุ่มเงินซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท) เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการปรับลดพนักงานเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง รวมถึงเพิ่มค่าบริการสำหรับผู้ใช้งานทวิตเตอร์บลู ฟีเจอร์เครื่องหมายถูกสีฟ้าหรือบลูมาร์กตามหลังชื่อบัญชีสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการไอโอเอสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดนายมัสก์เลิกระงับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ ซีเอ็นเอ็น และวอชิงตันดีซีโพสต์ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าแชร์ข้อมูลตำแหน่งเกี่ยวกับตัวเขา หลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าการระงับบัญชีถือเป็นการโจมตีเสรีภาพสื่อ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ