FootNote:พลังประชารัฐ กับ ภูมิใจไทย ชิงกัน สร้างฐานแห่งอำนาจ
หากมองจากปีกทางด้านรัฐบาล ยิ่งจังหวะก้าวการประกาศตัวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทอดเวลาเนิ่นยาวออกไปมากเพียงใด บทบาทการนำก็จะยิ่งเกิดการแปรเปลี่ยน
แสงแห่งสปอตไลต์ย่อมมิได้ฉายจับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่
เนื่องจากในแต่ละก้าวย่างได้สะท้อนถึงความลังเล ไม่แน่นอน ออกมาอย่างเด่นชัดว่าจะยังตั้งเป้าอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือว่ายังเป็นเป้าหมายเดิมมากกว่า
คำว่าเป้าหมายเดิมในที่นี้ หากติดตามการเคลื่อนไหวในด้านของพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะสัมผัสได้ว่ามิใช่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นทางเลือกเดียว หากแต่ยังมีพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วย
คำว่า “ไปต่อ” แห่งอำนาจในที่นี้ ยังเป็นการดำรงจุดมุ่งหมายเดิมไม่แปรเปลี่ยน นั่นก็คือการไปต่อโดยยังชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทนแม้จะเป็นเพียง 2 ปีก็ตาม
หากจับตาบทบาทของพรรคพลังประชารัฐโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากจับตาบทบาทของพรรคภูมิใจไทยโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็จะมีความเข้าใจ
2 พรรคนี้ยังสนองเป้าหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จำเป็นต้องสนใจการเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ
ทุกก้าวย่างของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้จะสลับซับซ้อน แต่ก็ไม่หนีไปจากเป้าหมายนี้
ขณะเดียวกัน บทบาทของพรรคภูมิใจไทยโดย นายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็เพื่อสร้างความมั่นใจว่านอกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วก็ยังพรรคภูมิใจไทย
การสร้างปรากฏการณ์ให้ 30 กว่าส.ส.ยื่นใบลาออกก่อนตบ เท้าเดินเข้าพรรคภูมิใจไทย คือการแสดงให้รับรู้ว่าพรรคภูมิใจไทย สามารถสร้างปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์”ได้
และ “แลนด์สไลด์” จากพรรคภูมิใจไทยนี้เอง คือตัวขวางแท้จริงต่อยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย
ในความคึกคักหนักแน่นไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย ทั้งหมดนี้เหมือนกับจะยังผูกพันอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทางการเมือง
แต่ก็ดำเนินไปเหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณ “เตือน”
เตือนให้ตระหนักในสภาพความเป็นจริง ที่น้ำสามารถทำให้เรือแล่นไปได้ กระนั้นน้ำก็สามารถที่จะคว่ำเรือให้พังเค้เก้ หมดอนาคตไปได้เช่นเดียวกัน
นี่คือธรรมชาติอันเป็นสัจจธรรมในทางการเมือง