ตร.แจงแล้ว หลังหมอธีระวัฒน์ โพสภาพ ใบสั่งจราจร ยันเป็นของจริง ตำรวจจราจรได้เริ่มใช้งานใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ค.65 เป็นต้นมา
วันที่4 ธ.ค.2565 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง พล.ต.ต.อาชยนกล่าวถึงกรณีภาพถ่ายใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ที่หลัง นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้โพสต์ภาพใบสั่งชนิดดังกล่าวมาโพสต์พร้อมระบุว่า อาจเป็นของปลอม เพื่อนเพิ่งได้รับมา ก่อนจะมีการชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจผิดนั้น ใบสั่งเป็นของจริงนั้น
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ได้ตรวจสอบไปยังผู้ออกใบสั่ง คือ สน.บางยี่ขัน แล้วพบว่าเป็นใบสั่งจริง
และขอเรียนชี้แจงว่า ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ คือ การออกใบสั่งผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลแบบพกพา ที่มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติชื่อว่า Police Ticket Management (หรือ PTM) เพื่อใช้เป็นโปรแกรมออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์
ตำรวจจราจรจะพิมพ์ใบสั่งออกมาจากเครื่องให้กับผู้ขับขี่ที่ทำผิดได้ทันที โดยจะใช้กรณีที่พบการกระทำผิดซึ่งหน้า (แบบเดียวกับใบสั่งรูปแบบที่ต้องเขียนด้วยลายมือ) เช่น ไม่สวมหมวกหรือไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ขับรถย้อนศร ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทางต่างๆ รวมถึงจอดรถในที่ห้ามจอดด้วย
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า ข้อมูลในใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะมีการระบุข้อหาและอัตราค่าปรับตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบ ของ ตร. อย่างชัดเจนในใบสั่งทุกใบ โดยข้อมูลจะเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบ real time รวมถึงจะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น วัน เวลา และสถานที่ที่ทำผิด ข้อมูลทะเบียนรถ ข้อมูลใบขับขี่ (กรณีพบตัวผู้ทำผิด) ชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่ออกใบสั่ง
นอกจากนั้น จะมี QR Code ด้านล่างสำหรับอำนวยความสะดวกประชาชนในการชำระค่าปรับผ่านระบบ mobile banking และ QR Code สำหรับตรวจสอบใบสั่งของตนเอง ผ่านเว็บไซต์ E-ticket (https://ptm.police.go.th/eTicket) ปัจจุบัน ใบสั่งของตำรวจจราจรจะมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ 1) ใบสั่งแบบเขียนด้วยลายมือ 2) ใบสั่งสำหรับส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งจะเป็นกรณีตรวจจับโดยกล้องอุปกรณ์ และ 3) ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ รูปแบบของใบสั่งนั้น เป็นไปตามประกาศ ตร. เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ซึ่งประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 สำนักงานตำรวจแห่งช่าติ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน ด้วยระบบเทคโนโลยีดังกล่าว ส่งผลให้กระบวนการออกใบสั่งมีมาตรฐาน เป็นสากล โปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นและเคารพกฎจราจร ซึ่งจะช่วยสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย ป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างเป็นรูปธรรม