ชนาธิป สรงกระสิน์ หลั่งน้ำตาเสียใจไม่สามารถช่วยคาวาซากิ ฟรอนตาเล คว้าแชมป์เจลีก พร้อมเผย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เหมาะสมกับการพิสูจน์ตัวเองแดนปลาดิบ
ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวเก่งทีมชาติไทย เผยกับเพจ ฟุตบอล108 ถึงตลอดปีที่ผ่านมาว่า มีความกดดันส่วนตัวค่อนข้างสูง และเสียใจที่ไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์เจลีก ญี่ปุ่น
กองกลางร่างเล็กทีมชาติไทย ย้ายจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร ไปร่วมทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล แชมป์เจลีก ญี่ปุ่น ด้วยค่าตัวมหาศาล (ราว 100 ล้านบาท) แต่สุดท้ายทีมจบด้วยการคว้ารองแชมป์ หลังจากโยโกฮามา เอฟ มารินอส อดีตต้นสังกัดของธีราทร บุญมาทัน ซิวแชมป์ลีกสูงสุดญี่ปุ่นไปครอง
- คลองเตยทักครับ! ‘ปฐมพล-วรชิต’ ย้ายซบครอบครัว การท่าเรือ
กองกลางทีมชาติไทย กล่าวว่า “การที่ผมตัดสินใจย้ายจากซัปโปโร ต้องบอกว่าผมใช้เวลาเร็วมาก เพราะผมอยากจะคว้าแชมป์ ผมอยากทำเพื่อตัวผมเองบ้าง ตอนอยู่ซัปโปโรผมคิดว่าผมทำทุกอย่างให้สโมสรแล้วไม่มากก็น้อย ทั้งที่คอนซาโดเลพร้อมจะให้ทุกอย่างที่ผมต้องการ แต่ผมคิดว่าผมได้ทุกอย่างแล้ว ผมเป็น 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมซึ่งยากมากที่ใครจะได้ เรียกว่าผมได้มาทุกอย่างยกเว้นแชมป์ ซึ่งการที่อยู่ซัปโปโรต้องยอมรับว่าการได้แชมป์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก”
“การที่เรามีคาวาซากินั้นผมกลายเป็นความกดดันเพราะมูลค่าของผมนั้นสูงมาก เขาสามารถซื้อนักเตะบราซิลที่ถูกกว่าผม หรือาจจะทำได้ดีกว่าผม เรื่องนี้ผมถามคาวาซากิตรงแล้วได้รับคำตอบว่าประธานสโมสรอยากได้ โค้ชอยากได้ และบอกกับผมว่าจะมีความกดดันแน่นอนพร้อมกับบอกด้วยว่าอยากให้ผมเป็นตัวเองให้มากที่”
“แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงการที่เราเป็นคนใหม่ เมื่อมีนักเตะคนอื่นอยู่ข้างใกล้ๆ เรา เราจะไม่จ่ายบอลให้ได้หรือ โค้ชบอกให้เราเล่นอิสระ แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงเราจะเล่นแบบอิสระได้อย่างไร คนรอบข้างเข้ามาเราต้องให้บอล แตกต่างที่อยู่ซัปโปโรทุกคนให้บอลผม เลยกลายเป็นว่าผมเสียตัวของตัวเอง”
“แต่หลังจากนี้ผมคิดว่าผมน่าจะผ่อนคลายมากกว่านี้ เพราะผมอยู่กับทีมมาหนึ่งปีแล้ว เพราะผมเชื่อว่าที่ผ่านมาผมทำเต็มที่และเป็นนักเตะใหม่ที่ได้ลงเล่นมากที่สุด ความกดดันน่าจะน้อยลงไป”
“ที่ผ่านมาผมกับโค้ช (โทนิ โอริกิ) อยู่ตลอด แทบจะคุยกับผมคนเดียวในทีมด้วย ตอนที่เรารู้ว่าไม่ได้แชมป์ผมถามว่าโค้ชแพ้เพราะผมหรือเปล่า? เขาตอบผมว่าไม่ใช่ ถ้าแพ้คือแพ้ด้วยกันไม่เกี่ยวกับชนาเลย พอได้ยินคำพูดนี้ (น้ำตาไหล) ผมรู้สึกผิด ส่วนตัวผมคิดว่าผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ผมน่าจะช่วยทีมได้ดีกว่านี้”
“ส่วนหนึ่งเพราะผมคิดว่าเป็นความรับผิดชอบ เพราะทีมซื้อเรามา และเป็นราคาที่แพง ผมเลยคิดว่าผมเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ และโค้ชบอกว่าไม่ต้องเล่นเพื่อทีมมากเกินไป เล่นเพื่อตัวเองบ้าง แต่พอด้วยทุกอย่างรวมกันถ้าเราได้แชมป์คงไม่เป็นอะไร แต่ปีนี้เราไม่ได้แชมป์จึงเป็นเรื่องที่เรากดดัน”
พร้อมกันนี้กองกลางตัวเก่งทีมชาติไทย ยังกล่าวแนะนำถึงรุ่นน้องที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตค้าแข้งของตัวเองด้วยว่าต้องทำอย่างไร
“การที่จะไปเจลีก ไปหนะไปได้ แต่เราต้องเก่ง เพราะญี่ปุ่นเก่งทุกตำแหน่ง ส่งออกไปหมดแทบทุกตำแหน่ง ถ้าจะมาเล่นแบบไม่ฟิต ไม่สู้ อยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้นักบอลรุ่นน้องสบาย มีเงิน แต่ยังเก่งไม่พอ เพราะผมออกไปผมเจอคนเก่งมากมาย”
“คิดง่ายๆ เอาแค่ตอนนี้ มีใครเก่งกว่าพี่มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา), พี่อุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน), พี่ตังค์ (สารัช อยู่เย็น) ถ้าคิดว่าเก่งกว่าก็ไปญี่ปุ่นได้ แต่ตอนนี้มีใครเก่งกว่านี้ไหม แต่ผมคมคิดว่าตอนนี้มีคนที่มีดีคือ แบงก์ (ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา) ถ้าจะมีคนต่อไป ศุภณัฐฏ์ ขึ้นอยู่กับน้องว่าจะตัดสินใจอนาคตของตัวเองอย่างไร”