กองทัพเรือไทย จ่อวางฐานบิน ส่งอากาศยานไร้คนขับ ตรวจเพิ่มระยะในทะเล กวดขันน่านน้ำ ด้านต่างชาติชม หลังมีผลงานเร่งกวดขันประมงผิดกฎหมาย
วันที่ 30 พ.ย.2565 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จัดการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 5/2565 โดย พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานการประชุม และได้เดินชมนิทรรศการผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้สนับสนุนในภารกิจ ศรชล. เช่น เรือของกรมประมง กรมเจ้าท่า และอากาศยานไร้คนขับ Blackjack ที่กองทัพเรือสหรัฐฯ มอบให้กองทัพเรือไทย 1 ระบบ 5 เครื่อง
ทั้งนี้พล.ร.อ.เชิงชาย ได้รับฟังขั้นตอนการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานงานในการตรวจจับประมงผิดกฎหมาย เช่นการแจ้งพิกัดเรือเป้าหมายจากกรมประมง ให้ทาง ศรชล. ติดตามโดยใช้ UAV ขึ้นปฏิบัติการ ซึ่งระยะปฏิบัติการบินทำได้ประมาณ 100 กม. แต่เรือประมงจะออกไปไกลจากระยะตรวจจับนั้นเพื่อหนีการตรวจจับ จึงอาจต้องมีการใช้เรือเป็นฐานบินในการต่อระยะ และเพิ่มศักยภาพในการติดตามชี้เป้ามากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้รับฟังรายงานผลการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรป (DG MARE) ในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ครั้งที่ 6 โดยผู้แทน ศรชล. เข้าร่วมประชุมด้วย เมื่อ 11ต.ค.และ 14 ต.ค.มีการหารืออย่างรอบด้าน โดยฝ่ายคณะกรรมาธิการยุโรป (Director-General of the Directorate General for Maritime Affairs and Fisheries : DG MARE) ได้แสดงความชื่นชมถึงความพยายามของประเทศไทยในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมาย ที่มีการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยมีการกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบและระบุขั้นตอนให้กระชับและชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังแสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ผลักดันเครือข่ายอาเซียนเพื่อการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (ASEAN Network for Combating IUU Fishing : AN-IUU) ซึ่งฝ่ายไทยให้ความมั่นใจกับ DG MARE ยืนยันผลักดันเครือข่าย AN-IUU ให้เกิดประโยชน์ต่อภูมิภาคอาเซียนต่อไป ซึ่งทางคณะกรรมาธิการยุโรปฯ พอใจผลการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.2566 ไทยเตรียมรับการประเมินจาก International Maritime Organization หน่วยสังกัดองค์การสหประชาชาติ ถึงความพร้อมของไทยในการรับเรือจากต่างประเทศ ทั้งเรือขนส่งสินค้า กิจการท่องเที่ยวทางเรือ ซึ่ง ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนี้ เพื่อให้การปลอดภัยเดินเรือและพร้อมรับนักท่องเที่ยว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565 ต่อคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 3 ด้านประกอบด้วย 1.ด้านนโยบายและแผน ศรชล. มุ่งสร้างรูปธรรมในการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของทั้ง 7 หน่วยงานหลัก ศรชล. ให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติและการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การขับเคลื่อนงานสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทะเล
2.ด้านยุทธการและการฝึก ศรชล. มุ่งเน้นการบูรณาการการกำกับดูแลการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรทางทะเลในห้วงสถานการณ์โควิด-19 มีการบูรณาการการฝึกกับกองทัพเรือ ประจำปี 2565 การบูรณาการกับการฝึกบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2565 (CMEX 2022)การฝึกผสม Southeast Asia Cooperation and Training (SEACAT 2022) รวมถึงมีการฝึก PASSENGER SHIP TRAINING ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย (สกชย.)
3.ด้านการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับหน่วยงานภายในและระหว่างประเทศมีการจัดทำบันทึกความร่มมือระหว่างสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และ ศรชล. รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส นอร์เวย์ แคนาดา มาเลเซีย สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) เป็นต้น
ทั้งนี้ ศรชล. ได้สรุปข้อมูลผลการปฏิบัติเชิงสถิติต่อภัยคุกคาม 9 ด้าน ในภาพรวมมีผลการปฏิบัติ ในปีงบประมาณ 2565 รวมทั้งสิ้น 425 เหตุการณ์ เหตุที่เกิดขึ้นมากที่สุด ได้แก่ การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล รองลงมา คือ การทำประมงผิดกฎหมาย จะเห็นได้ว่าในภาพรวมนั้นภัยคุกคามต่างๆ ในทะเลยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ศรชล. จึงจำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที