สุดช็อก! คุณปู่รุ่นเก๋า ชาวจีนวัย 95 เคยเป็นทหารผ่านศึกเก่า ตรวจพบกระสุนติดอยู่ที่คอ นานเกือบ 80 ปี แพทย์เผยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก
สำนักข่าวต่างประเทศ เผยเรื่องราวสุดช็อกที่กำลังเป็นกระแสไวรัลในขณะนี้ โดยทหารผ่านศึกชาวจีนวัย 95 ปีรายหนึ่ง เพิ่งค้นพบว่าเขามีชีวิตอยู่เกือบแปดทศวรรษโดยมีกระสุนฝังอยู่บริเวณช่วงคออย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ มานานเกือบ 80 ปี
ตามรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองซานตง ประเทศจีน โดยจ้าวเหอ ชายวัย 95 ปีเกษียณจากการเป็นวีรบุรุษสงครามเพื่อใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและตั้งแต่นั้นมาก็ทำงานในโรงงานในท้องถิ่น ล่าสุด มีอาการเจ็บบริเวณคอและรู้สึกไม่สบายตัวหลังจากตกจากระเบียงบ้าน ครอบครัวรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ลูกชายจึงตัดสินใจพาจ้าวเหอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายหลังจากได้ยินเกี่ยวกับการล้ม
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลทางแพทย์ก็แนะนำให้ทำการตรวจเอกซเรย์เพื่อให้แน่ใจว่าคอของจ้าวเหอไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง ทว่าเมื่อผลเอกซเรย์ออกก็สร้างความช็อกให้กับทุกคน แทนที่จะเป็นการแตกหักของกระดูก แต่การเอกซเรย์เผยให้เห็นวัตถุแปลกปลอมในคอของชายคนนั้น ซึ่งต่อมาจะระบุได้ว่าเป็นกระสุนเก่า
ต่อมา จ้าวเหอเล่าให้แพทย์ฟังว่าเขาเคยเข้าร่วมกองทัพจีนตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และต่อสู้ผ่านสงคราม 2 ครั้ง คือ ต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกรานระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2474-2488) และการรบกับเกาหลีเหนือระหว่างสงครามเกาหลี ( พ.ศ.2493-2496) ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้งในช่วงที่เขาอยู่ในกองทัพ แต่เขาจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับการโดนกระสุนเข้าที่คอ
“คุณพ่อได้รับบาดเจ็บขณะแบกสหายที่บาดเจ็บข้ามแม่น้ำระหว่างการรบครั้งหนึ่ง มีเศษกระสุนอยู่ในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเช่นกัน” นายหวัง ลูกเขยของชายคนนั้นกล่าว ทางด้านจ้าวเหอเองก็ประเมินว่ากระสุนอยู่ในคอของเขาตั้งแต่ปี 1944 เนื่องจากเขาเคยโดนกระสุนขณะข้ามแม่น้ำ โดยจ้าวเหอคาดว่ากระสุนถูกยิงเข้าทางด้านซ้ายของจมูก เจาะกรามและกระแทกฟันของเขาก่อนที่จะติดอยู่ในคอของเขา นี่เป็นเพียงการสันนิษฐานของเขาเท่านั้น
หลังจากตรวจเอกซเรย์แล้ว แพทย์บอกกับจ้าวเหอและครอบครัวว่า กระสุนดังกล่าวอยู่ใกล้กับเส้นเลือดใหญ่บางส่วน แต่เนื่องจากกระสุนไม่ได้สร้างปัญหาและการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงจึงเป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยไว้ ซึ่งทางคุณปู่ทหารผ่านศึกเห็นด้วย “ผมสุขภาพดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในตอนนี้”
ขอบคุณที่มาจาก Odditycentral