เมื่อวันที่ 14 พฤศิกายน 2565 ทางด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระบุถึงแนวโน้มพบสูงขึ้น ตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ
- หมอยง ชี้ ทำไมต้องให้ วัคซีนในเด็กเล็ก ต่ำกว่า2ปีคือกลุ่มเสี่ยง ติดเชื้ออาการหนัก
- หมอยง ชี้ โควิด-19 เป็นโรคที่จะไม่หายจากไป วัคซีนยังมีความจำเป็น
- 3ปีผ่านไป.. หมอยง ชี้ อาการโควิด เปลี่ยนไป ฟักตัวสั้นลง เจ็บคอ-ไอ-ไข้ ยังอยู่
โรค covid 19 มีแนวโน้มพบเพิ่มสูงขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเข้าสู่โรคตามฤดูกาล การระบาดของโรคสำหรับประเทศไทยจะพบมากในฤดูฝน และช่วงปลายปีจนถึงต้นปี อีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับการระบาดในสมัยไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างไรก็ตามความรุนแรงของโรคลดลง ทั้งนี้เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้น จากการฉีดวัคซีน และการติดเชื้อ
ขณะเดียวกัน มียาที่ใช้รักษาที่ดีขึ้นกว่าในช่วงแรกๆมาก คือ monulpiravia paxlovid และ remdicevir เช่นเดียวกับสมัยไข้หวัดใหญ่ 2009 เรามี oseltamivir และวัคซีนเข้ามาปลายปี ในปัจจุบันยาสำหรับ covid-19 ก็หาได้ง่ายขึ้น กว่าเมื่อต้นปีมาก
จำนวนการฉีดวัคซีนขณะนี้ น้อยกว่าธรรมชาติที่ฉีดวัคซีนให้หรือการติดเชื้อนั่นเอง ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะทำให้ภูมิในประชากรเพิ่มมากขึ้นโดยหลักการแล้วเราอยากให้ประชากรไทยได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไรก็ได้ไม่แตกต่างกัน และใครที่ได้มากกว่า 3 เข็มแล้ว ถ้าเข็มสุดท้ายได้รับมาแล้วนานเกินกว่า 6 เดือน ระดับภูมิต้านทานที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็ควรจะได้รับการกระตุ้น อีกครั้งหนึ่ง
ขณะนี้มีวัคซีนไม่ได้ขาดแคลน จึงอยากเชิญชวนให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มที่เมื่อเป็นโรคแล้วจะรุนแรง ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้แล้ว ถ้าฉีดเข็มสุดท้ายมาเป็นเวลานานแล้ว 4 ถึง 6 เดือนขึ้นไป ก็ควรได้รับการกระตุ้น เพื่อช่วยความจำของร่างกาย เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน
การระบาดในครั้งนี้จะยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ และหลังจากนั้นก็จะเริ่มลดลง ต่ำมากๆ แล้วจะไปเพิ่มอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าในปีหน้า ประชากรเกือบทั้งหมดก็น่าจะมีภูมิต้านทาน แล้วดังนั้นในขณะนี้ถ้าไม่ได้กระตุ้นด้วยวัคซีน ธรรมชาติหรือการติดเชื้อก็จะกระตุ้นให้ การติดเชื้ออาการแทรกซ้อนก็จะมากกว่าการฉีดวัคซีน