เจ้าหนี้รวมตัวแจ้งจับลูกหนี้ เชิดเงิน1.4ล้านบาท อ้างแม่คอหักตาย ลุงตาย บ้านถูกยึด ร้องไห้ฟูมฟาย จนใจอ่อนตกเป็นเหยื่อ แม้แต่แรงงานชาวลาวยังโดน
วันที่ 9 พ.ย. 65 ร.ต.อ.จีรยุทธ ตุ่นป่า ร้อยเวร สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง รับแจ้งความจากกลุ่มเจ้าหนี้ จำนวน 6 ราย ว่าถูก น.ส.ปพิชญา อายุ 37 ปี ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเขาลอย ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อยู่กับสามี เปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน กู้ยืมเงินรวมทั้งหมด 1,412,240 บาท แล้วหนีหายไป ไม่สามารถติดต่อได้
เจ้าหนี้ทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย นายจีรศักดิ์ อายุ 42 ปี ถูกกู้ยืมไป 902,240 บาท น.ส.เกศนี จำนวน 175,000 บาท น.ส.พัศรา อายุ 34 ปี สัญชาติลาว ถูกยืมไป 135,000 บาท นางจำเนียร อายุ 62 ปี จำนวนเงิน 90,000 บาท นางปราณี อายุ 60 ปี จำนวน 80,000 บาท และ นางวิยะดา อายุ 45 ปี จำนวนเงิน 30,000 บาท รวมยอดเงินที่ถูก น.ส.ปพิชญา กู้ยืมไปทั้งหมด 1,412,240 บาท
นายจีรศักดิ์ หนึ่งในเจ้าหนี้ กล่าวว่า ตนให้กู้ยืมเงินไปทั้งหมด 9 แสนบาท โดยกู้หลายรอบ ครั้งสุดท้ายมาอ้างว่าบ้านแม่กำลังจะถูกยึด อ้อนวอนให้ช่วย จึงสงสารเลยให้ไป ทั้งที่ยังติดหนี้เก่าอยู่ 7 แสนบาท ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมจึงให้ไปทั้งที่ไม่มีหลักฐานใดมาค้ำประกัน อาจจะเป็นเพราะรู้จักกับสามีของลูกหนี้ หลังจากรู้ว่าหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ โดยทาง สามีของเขาก็ไม่รับรู้ ก่อนจะมาทราบว่ามีคนตกเป็นเหยื่ออีกนับสิบราย จึงตกลงกันมาแจ้งความ
ด้าน นางจำเนียร กล่าวว่า ตนต้องสูญเงินเก็บทั้งชีวิต จำนวน 9 หมื่นบาทไป ซึ่งมีการทำสัญญาเงินกู้ และถ่ายรูปตอนรับเงินไว้ด้วย เข้ามากู้ยืมเงินจากตน 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย ตนบอกว่าไม่ให้แล้ว เพราะของเก่ายังไม่ได้คืน แต่ก็เข้ามาหาอีกด้วยความเศร้า ร้องไห้ฟูมฟาย บอกว่าแม่เกิดอุบัติเหตุคอหักตาย ต้องใช้เงิน จนหลงเชื่อเกิดความสงสาร จึงให้ยืมเงินก้อนสุดท้ายไป แล้วยังบอกว่าจะไปร่วมงานศพ แต่เขาก็รีบปฏิเสธ ว่าไกลไม่ต้องไป จากนั้นก็หายตัวไป นับว่าแสดงละครได้เก่งมาก ตีบทแตกจนคนสงสาร ถือเป็นดาราได้เลย
อยากฝากถึง น.ส.ปพิชญา ว่าเอาเงินมาคืนป้าเถอะ เพราะเป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิต ต้องหมดตัวตอนแก่ สงสารป้าด้วย เวลาให้ก็ให้ไปง่าย ๆ พอไปสอบถามสามีของ เขากลับบอกว่าไม่ทราบเรื่อง และรับผิดชอบไม่ไหว จึงไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงจำเป็นต้องมาแจ้งความ เพื่อติดตามตัวกลับมาใช้หนี้คืน โดยตนมีเพียงสัญญาเงินกู้ และถ่ายรูปตอนส่งมอบเงินไว้เป็นหลักฐาน
เช่นเดียวกับเจ้าหนี้รายอื่น ที่ถูกยืมเงินหลายครั้ง โดยมักจะใจอ่อน เพราะ น.ส.ลี่ มักจะมีเหตุให้ชวนสงสาร จนต้องให้เงินไป นอกจากนี้ยังมีอีกร่วมสิบรายที่ถูก น.ส.ลี่ กู้ยืมเงินไป มียอดอีกกว่า 2 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐาน เป็นการให้เพราะเห็นว่า มีร้านขายของชำ มีหลักฐานที่อยู่ชัดเจน และ มาอาศัยอยู่นานแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหนี้อีกหลายรายที่ถูกกู้ยืมเงินไป โดยมียอดรวมกว่าสองล้านบาท แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืม จึงได้แต่ทำใจ และ พยายามติดตามตัวกลับมาใช้หนี้ที่กู้ยืมไป มีมากมีน้อยก็ทยอยให้ก็ได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมแนะนำให้หาทนายความฟ้องทางแพ่งควบคู่ไปด้วย