จตุพร-นิติธร จี้ ป.ป.ช. เตือน ประยุทธ์-ครม. ออก กม.ขายที่ดินต่างชาติ มิชอบ

Home » จตุพร-นิติธร จี้ ป.ป.ช. เตือน ประยุทธ์-ครม. ออก กม.ขายที่ดินต่างชาติ มิชอบ


จตุพร-นิติธร จี้ ป.ป.ช. เตือน ประยุทธ์-ครม. ออก กม.ขายที่ดินต่างชาติ มิชอบ

จตุพร-นิติธร จี้ ป.ป.ช. เตือน ประยุทธ์-ครม. ออก กม.ขายที่ดินต่างชาติ มิชอบ อ้าง ทำเหมือนที่เคยเตือน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปม จำนำข้าว

4 พ.ย. 65 – ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมคณะหลอมรวมประชาชน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

เพื่อให้ดำเนินการเตือนรัฐบาล ถึงผลกระทบในการดำเนินการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนด้วยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย หรือที่เรียกว่าการเปิดให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ และขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. สอบสวนและไต่สวนกรณีเอื้อประโยชน์หรือการกระทำของบุคคลที่สอบไปในทางทุจริต

คณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่า หลังจากที่ครม. มีมติดังกล่าว เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และพบว่ามตินั้นไม่มีความชัดเจนในการดำเนินโครงการ และเป็นการเปิดกว้างให้เกิดการซื้อที่ดินจากต่างชาติโดยไม่อาจควบคุมได้

ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของชาติไทย และเศรษฐกิจไทย เพราะการเปิดให้ต่างชาติสามารถซื้อที่ดินได้ไม่เกินหนึ่งไร่นั้น เป็นการเปิดกว้างให้กับต่างชาติทุกประเทศเพียงแต่เป็นนักลงทุนในกองทุนจำนวน 40 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของต่างชาติรายบุคคล

ดังนั้น หากการดำเนินโครงการเดินหน้าต่อไป ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากคนจนของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาความยากจน

ทั้งที่รัฐบาลประกาศว่า คนจนจะต้องหมดไปจากประเทศ เปรียบเสมือนรัฐบาลไม่ใส่ใจต่อการแก้ปัญหาคนจน แต่ยังอ้างเพื่อเรียกคะแนนนิยมในตัวรัฐบาลหรือนักการเมืองเท่านั้น ไม่ได้จริงจังต่อการแก้ปัญหาความยากจนให้กับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ที่ต้องการที่ดินทำกิน

แต่รัฐบาลกลับทำตรงกันข้ามคือดำเนินนโยบายขับไล่ประชาชนที่ยากจนออกจากที่ดินของรัฐหลายแห่ง นั่น ยิ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมปัญหาคนยากจนเพิ่มขึ้น และผลจากการดำเนินการตามมติครม. นี้จะส่งผลกระทบต่อราคาที่ดินในเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศที่จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวจนยากที่คนไทยจะเป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย

ถึงแม้ว่า รัฐบาลจะย้ำว่าโครงการดังกล่าวไม่อนุญาตให้ชาวต่างด้าวซื้อที่ดินที่เป็นที่ดินทางการเกษตร อนุญาตให้ซื้อที่ดินในเมืองเท่านั้น แต่ผลจากการเปิดให้มีการซื้อที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ โดยไม่จำกัดจำนวนต่างชาติ ไม่วางกรอบว่า ห้ามซื้อที่ดินในอาณาเขตที่ติดกัน ก็จะส่งผลให้ต่างชาติที่ไม่จำกัดจำนวนสามารถซื้อที่ดินในอาณาเขตบริเวณที่มีพื้นที่ติดกันได้ จะเป็นการรวมที่ดินเป็นแปลงใหญ่โดยต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการยากที่รัฐบาลจะเข้าไปควบคุมดูแลหรือกำกับการใช้ที่ดิน และจะเป็นปัญหาต่อความมั่นคงของรัฐในอนาคตอันใกล้

โครงการนี้แม้จะเคยดำเนินการมาแล้วในอดีต แต่ประชาชนก็ได้รวมตัวกันคัดค้านอย่างกว้างขวางทั้งมีการประณามรัฐบาลในขณะนั้นว่าเป็น “ผู้ขายชาติ” และผลจากการดำเนินโครงการในอดีตก็พิสูจน์ชัดแล้วว่า ไม่สามารถเป็นแรงจูงใจหรือเป็นผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้

ซึ่งเราจะเห็นว่า ปัจจุบันการพักอาศัยของต่างชาตินั้นสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองได้ทั่วประเทศอยู่แล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบพักอาศัยที่ต่างชาติให้ความสนใจและนิยมมาซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กันเป็นจำนวนมาก เพราะมีความสะดวกสบายต่อการพักอาศัยและการเดินทาง

การมีมติครม.นี้ออกมา จึงไม่เป็นผลต่อต่างชาติที่อาจจะเข้ามาประกอบอาชีพหรืออยู่อาศัยอย่างสุจริต แต่จะเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพไม่สุจริต ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและระบบเศรษฐกิจไทย

คณะหลอมรวมประชาชน ขอให้ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. ช่วยปกป้องผลกระทบด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจของประเทศรวมไปถึงการป้องกันการทุจริตต่างๆ โดยขอให้มีหนังสือเตือนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยด่วน

เนื่องจากหากปล่อยให้ปฏิบัติตามมติครม. ดังกล่าวจะก่อให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายอย่างกว้างขวางของรัฐบาลและบุคคลรอบข้างรัฐบาลหรือผู้สนับสนุนรัฐบาลไม่ เกิดผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และยังเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้มีอิทธิพลเพื่อรองรับการใช้อำนาจทางการเมืองของนักการเมืองที่ผลักดันให้การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้

เป็นการกระทำที่อาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 และเทียบเคียง มาตรา 178 ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลระงับยับยั้ง ยกเลิก กฎกระทรวงต่างๆ ที่มีลักษณะหรือก่อให้เกิดผลเช่นเดียวกันกับมติครม. ดังกล่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ทุกฉบับ เช่น กรณีการส่งเสริมการลงทุนBOI

นอกจากนี้ ขอให้คณะกรรมการป.ป.ช. ไต่สวนด้วยว่าการออกมติครม. ดังกล่าวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นการดำเนินการที่มีลักษณะเอื้อให้เกิดการทุจริตหรือไม่ โดยไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ใดที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรธน. หรือฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ หากไต่สวนแล้วพบว่า การออกมติครม.นั้น เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ดำเนินการเสนอไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป

นายนิติธร กล่าวว่า ป.ป.ช. มีอำนาจส่งหนังสือเตือนรัฐบาล ถ้าพบว่ากำลังดำเนินนโยบายให้เกิดความสุ่มเสี่ยงสร้างความเสียหายให้ประเทศ ซึ่งเคยเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีโครงการจำนำข้าวมาแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช.จะเพิกเฉยไม่ได้ และต้องรีบทำอย่างเร่งด่วน ในการส่งหนังสือเตือนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน กับออกกฎกระทรวงมาขายแผ่นดินไทยให้นักลงทุนต่างชาติ

นายจตุพร กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มาจากนโยบายหาเสียงและมาเป็นการปฏิบัติเมื่อได้เป็นรัฐบาลจึงต้องทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งแตกต่างจากการออกกฎกระทรวงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ได้เป็นนโยบายและผ่านการแถลงให้สภาได้รับรู้ ซึ่งในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช.ทำหนังสือเตือน เนื่องจากหวั่นเกรงจะเกิดความเสียหาย โดยตนก็เตือนด้วยเช่นกันว่า ควรยุติเสียเนื่องจาก ป.ป.ช.เตือนมา อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายจำนำข้าวจัดเป็นเรื่องดี แต่ก็เป็นดาบประหารทางการเมืองต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงต่อมา

“แล้วรัฐบาลประยุทธ์ ก็แสวงหาประโยชน์ โดยสวมรอยปล้นเอาข้าวดีไปขายในราคาข้าวเสีย ทำให้ข้าวไทยเสียหายอย่างมาก มาถึงการขายแผ่นดินขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อสภาว่า พร้อมยกเลิก ส่วนนายสุพัฒนพงษ์ กลับสวนทางไม่เลิก แล้วอธิบายอย่างคนไร้ร่องรอยว่า จะทำให้เกิดเงินสะพัด 1 ล้านล้าน ซึ่งเป็นความคิดแบบโลกสวยแต่ประเทศซวย”

นายจตุพร กล่าวว่า นายสุพัฒน์พงษ์ ตั้งเป้าดึงนักลงทุน 1 ล้านคนเข้าประเทศ ขายที่ดินเป็นล้านไร่ และหวังจะขายที่ดินเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นล้านล้านบาท

โดยส่วนใหญ่แล้วที่ดินเป็นล้านไร่อยู่ในการครอบครองของเจ้าสัวหมดแล้ว และพวกที่มีทรัพย์สินที่ดินในมือมากมายก็มีความร่ำรวย จากการขายกากน้ำตาลเป็นเหล้าเป็นส่วนใหญ่

อีกทั้ง การขายที่ดินเมื่อปี 2542 และ2545 แม้มีกฎหมายให้ทำได้ก็ตาม แต่รัฐบาลช่วงนั้น ขายได้เพียง 8 ไร่ เมื่อถูกประชาชนต่อต้านจึงไม่ดำเนินการ และกฎหมายขายที่ดินก็ไม่ได้ถูกนำมาดำเนินการอีกเลย

แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับยกมาอ้างหาประโยชน์ให้กับเจ้าสัวขายเหล้าที่รวบเอาที่ดินไว้มากมาย และเป็นที่ดินราคาแพงด้วย แล้วกลับมากล่าวโทษรัฐบาลที่ผ่านมาละเลยไม่แก้กฎหมายปี 2542 และ 2545 โดยอ้างว่า ถ้าไม่ดี แล้วทำไมไม่แก้กฎหมาย

“เวลาอธิบายแบบโลกสวยแต่ประเทศซวย คนไทยก็เสียหาย และการพูดเช่นนี้เท่ากับ 3 ป.ได้รับสัญญาณความฉิบหายมาเยือนแล้ว ถ้าเงินที่อ้างจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แล้วเงินกู้ช่วง 8 ปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นับสิบล้านล้านบาทกระตุ้นได้หรือไม่

ดังนั้น การอธิบายแบบโลกสวย คือการช่วยให้เจ้าสัวขายที่ดินให้ต่างชาติเท่านั้น เพราะคนไทยไม่มีปัญญาซื้อที่ดินแปลงสวยๆของเจ้าสัวได้นั่นเอง” นายจตุพร กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ