พรรคร่วมรัฐบาลกลัวคะแนนพลิก เกณฑ์ส.ส.โหวตวุ่น ตีตกร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ด้วยคะแนน 196 ต่อ 194 ก้าวไกลข้องใจมีบางคนขานเลขประจำตัวคนอื่น
วันที่ 2 พ.ย.2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เป็นวันแรก พิจารณาร่างพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต หรือพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 7 มาตรา โดยพิจารณาวาระ 2 เรียงตามมาตรา
สำหรับมาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 153 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 เพื่อไม่ให้เกิดการกีดกันการแข่งขันผ่านกำลังการผลิต กำลังแรงม้า ทุนจดทะเบียน และจำนวนพนักงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ส.ส.อภิปรายมาตรา 3 อย่างเข้มข้นนานร่วม 2 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบมาตรา 3 ด้วยคะแนน 178 ต่อ 4 งดออกเสียง 175 ไม่ลงคะแนน 3 ขณะที่มาตราอื่น อาทิ มาตรา 3/1 มาตรา 3/2 มาตรา 4 มาตรา 5 มีคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่าไม่เห็นชอบ แต่น่าสังเกตว่า มีคะแนนงดออกเสียงใกล้เคียงกับคะแนนเห็นด้วย มีผลต่างห่างกันไม่เกิน 10 เสียง
กระทั่งเวลา 14.45 น. หลังจากที่ประชุมพิจารณาครบทั้ง 7 มาตราแล้ว ที่ประชุมจึงลงมติวาระ 3 ปรากฏว่า ที่ประชุมกลับ มีมติไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ด้วยคะแนน 177 ต่อ 174 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 4 โดยคะแนนงดออกเสียงในรายมาตราพลิกกลับมาลงคะแนนไม่เห็นด้วย ทำให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ขอใช้สิทธิตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 85 กรณีที่มีคะแนนต่างกันไม่เกิน 25 เสียง สามารถนับคะแนนใหม่ โดยการขานชื่อรายบุคคลได้ ซึ่งมีส.ส.ให้การรับรองถูกต้อง แต่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ คัดค้าน โดยขอให้นับคะแนนใหม่ด้วยการเสียบบัตรลงคะแนนเท่านั้น แต่ฝ่ายค้านยืนยันตามข้อบังคับการประชุมตามข้อ 85 ต้องให้นับคะแนนใหม่โดยการขานชื่อเท่านั้น
ในที่สุด นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตัดสินให้นับคะแนนใหม่ โดยการขานชื่อรายบุคคล แต่ยังเกิดความวุ่นวายตามมา เมื่อฝ่ายค้านเสนอให้นับองค์ประชุมก่อนขานชื่อรายคน ระหว่างนั้นส.ส.เดินเข้าเดินออกห้องประชุม มีทีท่าองค์ประชุมจะไม่ครบ
ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สอบถามว่า ขณะนี้ส.ส.เดินออกจากห้องประชุม ถ้าองค์ประชุมไม่ครบ หมายความว่า การกลับมาโหวตใหม่ในครั้งหน้า จะต้องใช้วิธีเสียบบัตรลงคะแนนใหม่หรือไม่ ซึ่งนายสุชาติ ชี้แจงทันทีว่า สภาค้างคาเรื่องใดไว้ ต้องกลับมาดำเนินการต่อ ไม่สามารถยกเลิกเรื่องใดได้ สุดท้ายเมื่อนับองค์ประชุมเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า มีองค์ประชุม 257 ครบองค์ประชุม จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนขานชื่อเป็นรายบุคคล
ต่อมาเวลา 15.09 น. ได้เริ่มการลงคะแนนด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล โดย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ส่วนใหญ่ลงมติไม่เห็นด้วย และยังมีส.ส.หลายคนที่ไม่มีการขานลงมติเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่งดออกเสียง อย่างไรก็ตาม มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนที่โหวตเห็นด้วย เช่น นายอิสรพงษ์ มากอำไพ ส.ส.ชุมพร พรรค ปชป. นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรค ปชป. นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรค ปชป. นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรค ปชป. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศท. นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรค ศท. เป็นต้น
ขณะที่ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ต่างลงมติเห็นด้วยไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อขานชื่อลงคะแแนนเรียบร้อยแล้ว ส.ส.จำนวนมาก ประมาณ 30 คนที่มาโหวตลงคะแนนไม่ทัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ได้แย่งกันขานชื่อ จนเกิดความชุลมุนมั่วไปหมด ส.ส.บางคนขานชื่อตัวเองถึง 3 รอบ ทำให้นายสุชาติ เป็นประธานการประชุม ต้องบอกให้สมาชิกใจเย็นๆ เพราะเกรงว่ากรรมการ ที่ทำหน้าที่นับคะแนนจะจดผลคะแนนไม่ทัน และอาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกรรมการใช้เวลารวมคะแนนนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรค พท. ลุกขึ้นถามว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมใช้เวลานับคะแนนนานจนผิดสังเกตขนาดนี้ ทั้งที่มีคนนับถึง 6 คน นายสุชาติ จึงชี้แจงว่า ไม่ใช่หน้าที่ของประธาน ต้องถามกรรมการที่ได้รับมอบหมาย แต่สุดท้ายการนับคะแนนก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ จนนายสุชาติ ได้สอบถามกรรมการนับคะแนนว่านับคะแนนเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ เพราะมีสมาชิกกระวนกระวายใจ และย้ำว่าอยากให้ทำให้ละเอียดจะได้ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ ระหว่างรอคะแนน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก้าวไกลได้แจ้งว่าพรรค ก.ก. ได้ย้อนดูเทปในช่วงการขานชื่อลงคะแนน พบว่ามีสมาชิกหมายเลข 225 และหมายเลข 255 โหวต 2 ครั้ง ทำให้นางสุเนตตา แซ่โก๊ะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงว่า หมายเลขของตนคือ 255 แต่นายธีรัจชัย แย้งว่า ผู้ที่ขานหมายเลข 255 เป็นผู้ชาย โดยนายสุชาติ ยืนยันว่า อำนาจการนับคะแนนอยู่ที่กรรมการที่ตั้งขึ้น
ทำให้น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. หนึ่งในกรรมาการนับคะแนน แจ้งว่าขอให้วางใจการทำหน้าที่นับคะแนน เพราะกรรมการประกอบด้วยฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล จึงจะทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ แต่นายธีรัจชัย ยังคงข้องใจการลงคะแนนของหมายเลย 225 และหมายเลข 255 ทำให้นายสุชาติ ชี้แจงว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานว่าขานชื่อซ้ำโดยทุจริต ก็ไม่ต่างจากการกดบัตรแทนกัน มีสิทธิที่จะไปฟ้องต่อได้
กระทั่งเวลา 17.15 น. ภายหลังการนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว นายสุชาติ ได้ประกาศผลการลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมยังคงโหวตไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ด้วยคะแนน 196 ต่อ 194 งดออกเสียง 15 ถือว่าที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับ ร่างพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต