FootNote:ข่าวเพื่อไทย พลังประชารัฐ จับมือ กัดกร่อน บ่อนเซาะ ต่อ “เพื่อไทย”
ข่าวลือถึงแนวโน้มที่มีการจับมือระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 กำลังจะส่งผลสะเทือน
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยออกมาจากด้านของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยออกมาจากด้านของพรรคเพื่อไทย
แม้เป้าหมายคือ โดดเดี่ยว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะเงื่อนไขหนึ่งที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น คือ การตัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปจากวงจร
กระนั้น หากกล่าวถึงผลดีก็น่าจะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ น่าจะเป็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะที่ผลด้านลบจะตกเป็นในด้านของพรรคเพื่อไทยมากกว่า
อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่าการพูดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว การพูดของ นายสุทิน คลังแสง ขาดความรัดกุมอย่างเพียงพอ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและมีลักษณะบานปลาย
เพราะหากไม่บานปลายกระทั่งอาจกลายเป็นผลเสียก็แทบไม่จำเป็นที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง จะต้องออกมาแถลง
ถามว่าผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร
ผลเสียโดยพื้นฐานก็คือ หากมีการดีล หากมีการโอนอ่อนถึงขั้นสามารถจับมือร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นตัวเลือกแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยยังมิได้มั่นใจในเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ของตนอย่างเพียงพอ
เพราะหาก “แลนด์สไลด์” จริงก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
แรงสะเทือนอีกประการหนึ่งซึ่งทรงความหมายก็คือ พรรคเพื่อไทยมีท่าทีอย่างไรต่อพันธมิตรในแนวร่วมอย่างพรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ
เพราะข่าวลือที่พรรคเพื่อไทยจะร่วมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐอย่างนั้นเอง จึงนำไปสู่การโต้กลับจากอีกฝ่ายด้วยการแยก พรรคก้าวไกลออกจากพรรคเพื่อไทย
ผลก็คือแทนที่จะตีบุกหน้า พรรคเพื่อไทยกลับต้องตั้งรับ
น่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายในทางการเมือง การแสดงบทบาทของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะเลขาธิการพรรคจึงทรงความหมาย
กลายเป็น “หลัก” ศิลากลางสายน้ำอันเชี่ยวกรากขึ้นมา
จากนั้น แนวทางของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และ นายสุทิน คลังแสง ก็เข้ามาอยู่ในแนวทางเดียวกันกับที่ นายประเสริฐ จันทร รวงทอง ได้แถลง
ทิศทาง “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทยจึงแน่วแน่ มั่นคง