เมื่ออายุย่างเข้า 40 ปี อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายเริ่มลดลง ทำให้วงจรการผลัดเซลล์ผิวหนังช้าลงกว่าคนอายุวัย 20 ปี ถึงสองเท่า เมื่อการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังช้าลงทำให้เกิดการสะสมของเซลล์แก่ และการสร้างเซลล์ผิวใหม่เกิดได้ช้า ส่งผลให้ผิวหนังไม่ผ่องใสเหมือนวัยแรกรุ่น อีกทั้งยังทำให้อ้วนได้ง่าย มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ และรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา มารู้วิธีการดูแลร่างกายเพื่อเสริมให้ระบบการเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดีด้วยน้ำอุ่นผสมเลมอนหรือมะนาวเหลืองจากคำแนะนำของคนญี่ปุ่นกัน
ทำไมน้ำอุ่นผสมเลมอนจึงดีต่อสุขภาพโดยเฉพาะกับคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป
เหตุผลที่น้ำอุ่นผสมน้ำเลมอนดีต่อสุขภาพนั้นมาจากทั้งคุณค่าของน้ำอุ่นซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย กับคุณค่าสารอาหารจากเลมอนดังนี้คือ
กรดซิตริก ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นพลังงานสำหรับร่างกายได้ดี เมื่อร่างกายมีระบบการเผาผลาญที่ดีขึ้นก็จะทำให้สร้างเซลล์ผิวหนัง เซลล์ผม และเซลล์เม็ดเลือดได้ดี อีกทั้งเมื่อร่างกายเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานได้ดีก็จะทำให้อ้วนได้ยาก นอกจากนี้ยังช่วยทำให้การไหลเวียนเลือดดี บรรเทาอาการไหล่แข็งและช่วยฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า เป็นต้น
วิตามิน ซี ซึ่งช่วยกดการสร้างสารสีเมลานิน ช่วยให้ผิวพรรณขาวขึ้น ลดการเกิดสิว บรรเทาอาการเจ็บคอ และช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า
โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารอนูมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่
โพแทสเซียม ซึ่งช่วยขจัดเกลือส่วนเกินออกจากร่างกายและช่วยลดอาการบวมน้ำ
ลิโมนีน (Limonene) ซึ่งอยู่ที่ผิวเปลือกของเลมอน มีสรรพคุณทำให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยลดความอยากอาหาร จึงดีต่อคนที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก
เวลาและปริมาณที่ควรดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำเลมอน
เวลาที่ดีที่สุดในการดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำเลมอน คือ หลังจากตื่นนอนก่อนอาหารเช้า หรือในช่วงตั้งแต่ 8.00-12.00 น. การดื่มน้ำอุ่นเข้าไปในช่วงเวลานี้จะทำให้ระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะลำไส้เคลื่อนตัวทำงาน ทำให้ขับของเสียออกจากร่างกายได้ดี เมื่อของเสียถูกขับออกจากร่างกายก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดี ส่งผลให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายดีขึ้นด้วย
วิธีการเตรียมทำได้โดยเติมน้ำเลมอน 1-2 ช้อนชา ลงในน้ำอุ่น (200 มิลลิลิตร) ที่ต้มด้วยกาต้มน้ำหรือหม้อโดยปล่อยให้เดือดประมาณ 15 นาที และวางไว้จนมีอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส (หากไม่มีเวลาก็ต้มด้วยไมโครเวฟก็ได้) ปริมาณที่ดีต่อสุขภาพคือวันละไม่เกิน 2 แก้ว เพราะหากดื่มมากเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการเสาะท้องได้ อีกทั้งหากเป็นเลมอนที่ปลูกแบบปลอดสารพิษ การเติมเปลือกมะนาวลงไปด้วยจะยิ่งเสริมประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก เนื่องจากผิวเปลือกมะนาวมีสารลิโมนีนซึ่งช่วยกดความอยากอาหารได้
นอกจากดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำเลมอนทุกเช้าแล้ว การดื่มอุ่นวันละ 5-6 แก้ว (700-800 มิลลิลิตร) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในการเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงานและระบบการขับถ่ายของเสีย ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนักแล้วก็ยังช่วยให้ผิวพรรณสวยงามเหี่ยวย่นได้ช้าลงด้วย
เลมอนหรือมะนาวเหลืองมีรสอ่อนและหอมกว่ามะนาวจึงทำให้ดื่มได้ง่ายกว่า หากดื่มติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์จะทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี และหากดื่มประมาณ 2 อาทิตย์ น้ำหนักก็จะค่อยๆ ลดลง และหากอยากให้น้ำหนักลดได้ดีขึ้นก็ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารด้วยค่ะ ทั้งนี้หากไม่มีเลมอนสดก็ใช้น้ำเลมอนคั้นสำเร็จรูปแทนได้