“วรวัจน์” ดันข้าวหลามตามสั่งซอฟท์พาวเวอร์คนเหนือ ชูโอท็อปส่งออก ลั่นยึดแพร่คืนทั้ง จว. ไม่หวั่น กก.บุก
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่สนามกีฬาเทศบาลต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และอ.ลอง จ.แพร่ จัดกิจกรรม “วัฒนธรรมมหามงคล มิ่งบ้านขวัญเมือง” โดยไฮไลท์ของงานคือการประกวดการพัฒนาข้าวหลาม
ซึ่งถือเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของจ.แพร่ ให้เป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้จริงในอนาคต โดยมีประชาชนกว่า 30 ทีม ช่วยกันคิดเมนูอาหารแล้วนำมาแปรรูปใส่กระบอกข้าวหลาม ซึ่งเมนูประเภทอาหารที่ชนะเลิศ คือข้าวหลามแกงคั่วไก่บ้าน รองชนะเลิศอันดับ 1 คือข้าวหลามกะเพราหมู และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือข้าวหลามน้ำพริกกากหมูไข่เค็ม ขณะที่ข้าวหลามประเภทผลไม้รางวัลชนะเลิศ คือ ข้าวหลามทุเรียน รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ ข้าวหลามมะพร้าวเผือก และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ข้าวหลามกล้วย
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ข้าวหลามที่นำมาประกวดทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการเยือกแข็ง หรือนวัตกรรม ไนโตรเฟรช ซึ่งเป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวคงความสดใหม่ของอาหารให้อร่อยเหมือนเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ และเก็บได้ยาวนานกว่า 2 ปี ซึ่งต่อไปจะนำเสนอไปยังกรมพัฒนาชุมชนให้เป็นสินค้าโอทอปพรีเมียมของจ.แพร่ เพื่อก้าวสู่การส่งออกให้เป็นการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัด เนื่องจากแต่ละปีงบประมาณที่จ.แพร่ได้รับมีเพียงงบประมาณการทำถนน และงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเท่านั้น แทบไม่มีงบในการพัฒนาอาชีพ หรือนำมาให้ต่อยอดสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนได้เลย ตนในฐานะตัวแทนของพรรคเพื่อไทยในจ.แพร่จึงคิดหาวิธีสร้างรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดด้วยวิธีการพัฒนาข้าวหลามของชาวแพร่ให้กลายเป็นสินค้าโอทอปและสินค้าส่งออก โดยจะทำในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่กวาดเก้าอี้ ส.ส.แพร่ ได้ทั้ง 2 เขต และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะพาคณะลงพื้นที่อ.ลอง จ.แพร่ด้วยช่วงใกล้การเลือกตั้ง แบบนี้พรรคเพื่อไทยจะทวงเก้าอี้แพร่ทั้งจังหวัดคืนได้หรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความกังวล เพราะ จ.แพร่เป็นพื้นที่ที่ตนมั่นใจว่าประชาชนให้ความนิยมพรรคพท.มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาตนย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แต่พรรคถูกยุบ ทำให้ตนไม่สามารถลงสนามรับเลือกตั้งได้ ขณะที่พรรค พท.ไม่ได้ส่งผู้สมัครในจ.แพร่ ทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสเลือกพรรคพท.จึงจำเป็นต้องเทคะแนนให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่มีอยู่ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพท.ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาตนและทีมงานพรรคพท.ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน รวมถึงได้ประสานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวเมืองแพร่มาโดยตลอด ทุกครั้งจะได้รับการตอบรับจากประชาชนเสมอว่าประชาชนรอการเลือกตั้ง และรอให้การสนับสนุนพรรคพท.อย่างท่วมท้นทั้ง 3 เขต