สมรภูมิเลือกตั้ง “กรุงเทพมหานคร” จะทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์ผลักดัน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ออกหน้า หากแต่พรรคสร้างอนาคตไทยยังมี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ออกโรง
ยิ่งกว่านั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เน้นไปยัง ส.ส.เขตเป็นหลัก
เมื่อมองจากพื้นฐานที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ล้วนมีพื้นฐานมาจาก ส.ส.เขตของกรุงเทพมหานคร จึงเห็นความมุ่งมั่น
ยังพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย อีกเล่า
จำนวน 33 เขตนั้นเองทำให้ทุกพรรคการเมืองล้วนสร้างความหวังและมาดหมาย
จำนวน 33 เขตของกรุงเทพมหานคร ถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุด เหนือกว่านครราชสีมา เหนือกว่าเชียงใหม่ เหนือกว่าอุบลราชธานี
แต่พื้นที่กรุงเทพมหานครก็เหมือนกับเกงจิ๋ว
นั่นก็คือ เป็นยุทธภูมิที่ทุกพรรคล้วนปรารถนาจะเข้ามายึดครอง ต้องการและอาศัยเป็นฐานและกระดานหกในทางการเมือง
ที่สำคัญคือเป็นเมืองหลวง เป็น “มหานคร”
หากประเมินผ่านจำนวน ส.ก.ที่ได้รับเลือกเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็จะเห็นความจริง
เป็นความจริงที่พรรคเพื่อไทยยึดครองได้ 20 เขต เป็นความจริงที่พรรคก้าวไกลยึดครองได้ 14 เขต ที่เหลือนอกนั้นก็กระจัดกระจาย
กระจายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคไทยสร้างไทย
การจะเข้ามาแย่งชิงไม่ว่าจะโดยพรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ว่าจะโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐจึงร้อนแรง
ต้องทะลวงผ่านพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล
ภายในการต่อสู้ใหญ่นี้มิอาจมองข้ามบทบาทพรรคประชาธิปัตย์อย่างเด็ดขาด
เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์คือแชมป์เก่าครองพื้นที่มาอย่างยาวนาน สะสมทั้งพลังเก่าและพลังใหม่อย่างบริบูรณ์
แต่จะตีฝ่า ก้าวไกล เพื่อไทย ได้หรือไม่ยังต้องรอคอย