FootNote:ยุทธวิธี เลือกตั้ง พ่วงประชามติ จังหวะก้าว การเมือง “ก้าวไกล”
วันเดียวกันกับที่ผลการลงมติจะรับหรือไม่รับร่างพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จำนวน 6 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านและภาคประชาชน
เมื่อผลออกมาอย่างแน่ชัดว่าบางร่างแม้จะผ่านความเห็นชอบแต่ก็ติดอยู่ที่จำนวน ส.ว.ไม่ทะลุ 1 ใน 3
อันเท่ากับชี้ชัดว่าทั้ง 6 ร่างถูก “ปฏิเสธ” จากเสียงของ ส.ว.
คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงก็ปรากฏ “แคมเปญ” จากพรรคก้าวไกล เสนอขึ้นมาพร้อมกับ #RESETประเทศไทย และ #เลือกตั้งใหม่รัฐธรรมนูญใหม่ ด้วยความคึกคัก
ตามมาด้วยข้อความ ถึงเวลาเปิดไพ่เด็ด ส.ว.กี่คนก็หยุดไม่ได้ นั่นก็คือ 50,000 รายชื่อประชาชน ส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรีให้จัด “ประชามติ” พร้อม “เลือกตั้ง”
นั่นก็คือ เข้าคูหากา 2 เรื่อง 1 เลือกตั้ง ส.ส. 2 ตอบคำถามประชามติ “เห็นด้วยหรือไม่ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสสร.ที่ประชาชนเลือก”
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า “แคมเปญ” นี้มิได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หากแต่ได้มีการตระเตรียมเอาไว้แล้ว
นี่คือจังหวะก้าวอย่างสำคัญและแหลมคมของ “ก้าวไกล”
ต้องยอมรับว่าภายในจำนวนร่างพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับที่เสนอ และบรรจุเป็นวาระในการพิจารณา 4 ฉบับดำเนินโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน 2 ฉบับเป็นของภาคประชาชน
ภาคประชาชน 1 เสนอโดย Ilaw ภาคประชาชน 1 เสนอคณะ RESOLUTION
หากมองจากภาคประชาชน ที่เสนอโดย ILaw นั้นมี นายสมชัย ศรีสุทธยางกูร เป็นหัวเรือใหญ่ ขณะที่ที่เสนอโดย RESOLUTION เป็นการผลักดันของคณะก้าวหน้า
และเมื่อปรากฏว่าทั้ง 6 ร่าง ซึ่งเสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านและภาคประชาชนมิอาจฝ่าด่านของ ส.ว.ไปได้แคมเปญ #RESETประเทศไทย ของพรรคก้าวไกลจึงได้ปรากฏ
เป็นแคมเปญที่มิได้พุ่งเป้าเพื่อ “รัฐธรรมนูญ” หากแต่พ่วงทั้งรัฐธรรมนูญและ “การเลือกตั้ง” เข้ามาเป็น “แพ็คเกจ” เดียวกัน
ความหมายของ “แคมเปญ” นี้เป็นความหมายที่นำเอาการเลือกตั้งกับรัฐธรรมนูญ อันเป็นกลไกสำคัญ เป็นพื้นฐานหลักในทางการเมืองเข้ามาผนวกสัมพันธ์กัน
มัดรวม “การเลือกตั้ง” และ “ประชามติ” มาเป็น “อาวุธ”
จัดแบ่งกลุ่มทางการเมืองขึ้นมาอย่างเด่นชัด ระหว่างกลุ่มที่รักษาอำนาจ “เดิม” กับกลุ่มที่ต้องการ “การเปลี่ยนแปลง” เข้ามา
เป็น “ยุทธวิธี” หนึ่งภายใน “ยุทธศาสตร์” ทางการเมือง