ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ยกฟ้อง คดี ชาวบ้าน 8 จว.ลุ่มน้ำโขง ปมซื้อไฟโครงการเขื่อนไซยะบุรี

Home » ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ยกฟ้อง คดี ชาวบ้าน 8 จว.ลุ่มน้ำโขง ปมซื้อไฟโครงการเขื่อนไซยะบุรี


ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ยกฟ้อง คดี ชาวบ้าน 8 จว.ลุ่มน้ำโขง ปมซื้อไฟโครงการเขื่อนไซยะบุรี

ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ยกฟ้อง คดี ชาวบ้าน 8 จว.ลุ่มน้ำโขง ร้องขอให้สั่งยกเลิกโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรี

วันที่ 17 ส.ค.65 ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้แก่ จ.เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี จำนวน 37 คน นำโดย นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ยื่นฟ้อง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และคณะรัฐมนตรี ว่าร่วมกันดำเนินการโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรีของ กฟผ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขาดการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสุขภาพและสังคม ทั้งในฝั่งไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากอันตรายข้ามพรมแดน ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรี โดยขอให้ศาลพิพากษายกเลิกโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว

ศาลปกครองสูงสุด ให้เหตุผลว่า คดีนี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมในเรื่องการจัดซื้อไฟฟ้าจากโครงการไชยะบุรี ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

อีกทั้งประกาศกำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอขอความเห็นชอบตาม มาตรา 47 ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และขณะการดำเนินโครงการเพื่อทำสัญญาจัดซื้อขายไฟฟ้าโครงการไซยะบุรี ก็ไม่ได้กำหนดให้โครงการสัญญารับซื้อไฟฟ้าต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดส้อมก่อนดำเนินโครงการ

ดังนั้น กฟผ. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน และคณะรัฐมนตรี จึงไม่มีหน้าที่ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเรื่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการไซยะบุรีแต่อย่างใด

อีกทั้งยังปรากฏว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการนำข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเท่าที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยจากรัฐบาล สปป.ลาว ลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง (Procedure for Notification, Prior Consultation and Agreement : PNPCA) เกี่ยวกับการปรึกษาหารือล่วงหน้า กรณีการดำเนินโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีแล้ว

จึงฟังว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพันธะผูกพันของราชอาณาจักรไทย ตามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ.2538 จึงมิได้ละเลยหน้าที่แต่อย่างใด

ประกอบกับ ศาลปกครองสูงสุดเคยได้วินิจฉัย เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 ว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน ไม่มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวและมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน ในประเด็นที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว การที่ศาลปกครองกลางได้พิพากษายกฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.58 นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ