จำนวนผู้เสียชีวิตจากการถล่มของทางรถไฟลอยฟ้าในกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เพิ่มมาอยู่ที่ 24 รายแล้ว ขณะเจ้าหน้าที่กำลังนำตู้รถไฟและเศษซากเหล็กและคอนกรีตที่ถล่มออกจากถนน

อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ (3 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นเหุตการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับระบบรถไฟของเมืองหลวงแห่งนี้ ทั้งยังทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความแข็งแรงของโครงสร้างระบบรถไฟของกรุงเม็กซิโกซิตีด้วย

นอกจากนี้ นางเกลาเดีย เชนเบาม์ นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี เผยว่า ยังมีประชาชนอีก 27 คนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จากทั้งหมดมากกว่า 70 คน ที่ได้รับบาดเจ็บ

นายกเทศมนตรี กล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 24 คนนั้น เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุถึง 21 คน และที่เหลือเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทั้งหมดนี้มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ระบุตัวได้ว่าเป็นใคร และมีเด็กเป็นผู้เสียชีวิตด้วย

ส่วนเมื่อบ่ายวันอังคาร (4 พ.ค.) นายการ์ลอส มาริมาร์ นักศึกษาวัย 25 ปี และญาติอีก 2 คนมารอรับศพลุงของตน เผยว่า ตนนอนไม่หลับตั้งแต่เกิดเหตุ ทั้งยังออกไปตามหาผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลถึง 7 แห่ง และสำนักงานอัยการอีกหลายที่ 

“ผมเพลียแต่ก็นอนไม่หลับ” นายมาริมาร์ กล่าว “เขาไม่ควรต้องตายแบบนี้ เพราะเขาเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูกที่ดีมากคนหนึ่ง”

นางเชนเบาม์ กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้สาเหตุของเหตุการณ์นี้ว่าเกิดจากความเสียหายของโครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้า แต่หลังจากนี้จะมีการสอบสวนที่ละเอียดและเป็นอิสระจากบริษัทแห่งหนึ่งจากนอร์เวย์

ทางวิ่งดังกล่าวสูงจากพื้นถนน 5 เมตร บนเกาะกลางถนน หากไม่ได้อยู่ในตำแหน่งดังกล่าว อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้

ระบบรถไฟฟ้ากรุงเม็กซิโกซิตีมีค่าตั๋วถูกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ราว 8 บาทต่อเที่ยวเท่านั้น และตั้งแต่เปิดใช้งานเมื่อราว 50 ปีที่แล้ว เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ถึง 3 ครั้ง คือเหตุการณ์รถไฟชนกันเมื่อปี 2563, 2558 และ 2528

ส่วนเมื่อปี 2560 เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของทางยกระดับของรถไฟสายที่เกิดเหตุล่าสุดนี้ แต่เจ้าหน้าที่ทำการซ่อมแซมเพียงแค่เสาที่เกิดความเสียหายเท่านั้น