เตรียมรับมือ ปภ.เตือน 10จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา กทม. เฝ้าระวัง ระดับน้ำเพิ่มสูง-ทะเลหนุน ในช่วงระหว่างวันที่ 28 ก.ค.- 1 ส.ค.2565

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 26 ก.ค.2565 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในวันที่ 28 ก.ค.2565 สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสรรค์จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,000-1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ที่สถานี Ct.19 ปริมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และปริมาณน้ำท่าจากลำน้ำสาขาประมาณ 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 1,450-1,550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,000-1,250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.50 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)

ประกอบกับกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าช่วงวันที่ 28 ก.ค.-1 ส.ค.2565 เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเพิ่มสูงขึ้น ระดับน้ำอาจสูง 1.90-2.10 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง อาจส่งผลกระทบต่อบริเวณพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ในพื้นที่จ.นนทบุรี สมุทรปราการและกทม.ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.- 1 ส.ค.2565

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสาน 10 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ รวมถึงกทม.และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารป้องกันริมแม่น้ำ และเสริมคันกั้นน้ำในบริเวณจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมน้ำ

พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร และที่ลุ่มต่ำเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม

ตลอดจนประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง