ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่วันสุดท้ายยิ่งสามานย์ มีทั้งล็อบบี้แลกโหวต 2 ล้าน ต่างตอบแทนตั้งลูกเป็นนายพ
รังสิมันต์ โรม อภิปราย “ตั๋วช้าง” อุ้มนายพลตำรวจโดนข้อหาทุจริต แล้วบอกว่านี่ไงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด พวกพ้องเส้นสาย คล้ายกับที่ สมคิด เชื้อคง แฉบรรจุเป็นตำรวจ
คุณอาจจะเถียงได้ ไม่เห็นมีหลักฐานพ่อฝากลูก แต่สังคมไทยพูดแค่นี้ก็รู้กัน ถ้าต้องการหลุดข้อกล่าวหา ก็ต้องเอาคะแนนสอบมาพิสูจน์ว่าไม่ใช่รับเป็นกรณีพิเศษ (ซึ่งทหารตำรวจฝากลูกกรณีพิเศษเยอะเลย)
ศักดิ์สยามขายหุ้นบุรีเจริญ ราคาพาร์ ไม่เสียภาษี ขายก่อนเลือกตั้งไม่ต้องแจ้ง ป.ป.ช. พอเป็นรัฐมนตรี หจก.รับงานคมนาคมก็เป็นเรื่องปกติ ผ่านการประมูล “โปร่งใส” ชนะเฉียดฉิวต่ำกว่าราคากลางนิดเดียว
แหงละ ยังเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ (โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ชุดนี้) แต่นี่ไง ที่ทางการเมืองเรียกว่า ไม่น่าไว้วางใจ
สภาไม่ใช่ศาล ฝ่ายค้านไม่ใช่อัยการ ไม่มีอำนาจสอบสวนเรียกดูข้อมูล ฝ่ายค้านทำได้แค่ชี้ให้ประชาชนเห็นว่า มันมีความไม่ชอบมาพากล ยกมาจี้ให้รัฐบาลตอบ แต่รัฐบาลกลับตอบว่า ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
เหมือนตอบว่าไม่มีนโยบายใช้เพกาซัสเจาะมือถือ แหงละ ใครจะเขียนเป็นนโยบาย แต่นักกิจกรรมไทยได้รับคำเตือนจาก Apple พอไปตรวจก็เจอจริงๆ
ในภาพรวม ประชาชนจึงเห็นฝ่ายค้านชกเข้าเป้า รัฐมนตรีเอียงไปเอียงมา แต่ไม่ล้มเพราะประชาชนไม่ได้เป็นกรรมการ รัฐบาลไม่ได้แยแสเสียงข้างมาก เพราะมาจาก 250 ส.ว. รัฐบาลไม่ได้แยแสจริยธรรมหรือความสง่างามทางการเมือง โยนให้เป็นเรื่องของกฎหมายและองค์กรอิสระ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายอำนาจเดียวกัน ดังนั้น ต่อให้ประชาชนทั้งประเทศฟังอภิปรายแล้วเชื่อว่ารัฐมนตรีคนนี้ไม่น่าไว้วางใจ รัฐบาลก็ต้องการแค่เสียงข้างมากในสภาโหวตผ่าน ไม่ออก ไม่ปรับ ให้หาหลักฐานไปสู้กันที่ศาล แถมขู่ฟ่อๆ จะฟ้องกลับ
ระบอบประยุทธ์อยู่บนฐานอำนาจรัฐราชการ เครือข่ายอนุรักษนิยม รัฐประหาร 5 ปี กุมโครงสร้างส่วนบนเกือบทุกอย่าง ทั้งปืนทั้งกฎหมายผลประโยชน์ปูนบำเหน็จ ใช้เวลาอีก 3 ปีผสมพันธุ์นักการเมือง ใช้ระบบอุปถัมภ์การเมืองบ้านใหญ่ทำลายฝ่ายประชาธิปไตยทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ปลุกระดมสลิ่มคลั่ง ประยุทธ์เท่านั้นต้านคนโกง ประยุทธ์เท่านั้นปกป้องสถาบัน
จึงทำให้รัฐบาลไม่ว่าจะมีเรื่องอื้อฉาวแค่ไหน ล้มเหลวอย่างไร โควิดตายเกลื่อน เศรษฐกิจพัง พอเวลาผ่านไป ประยุทธ์กลับคุยได้ว่านำประเทศฝ่าโควิด กู้เงินมาช่วยประชาชน อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังไม่แยแสว่า ประชาชนเสื่อมศรัทธาเพียงไร ทั้งที่ความย่ำแย่ของรัฐบาล หากไม่ได้มาจากรัฐประหาร ก็พูดภาษาบ้านๆ ได้ว่า คงโดนรัฐประหารไปแล้ว
ซึ่งแหงละ ไม่มีทหารคนไหนทำรัฐประหารตู่ ถ้าอยากทำ ก็คงอยากรัฐประหารฝ่ายค้าน จับรังสิมันต์ โรม ขังลืม หรืออุ้มหาย
แต่ระบอบอำนาจนิยมไม่จำเป็นต้องรัฐประหารก็ได้ เดี๋ยวยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็ออกหมายจับ ส.ส.ก้าวไกลไม่ให้ประกันไปสมัคร ส.ส.ไม่ได้ หลังจากนั้นก็ขังยาว
ระบอบอำนาจสามานย์ที่อ้างว่าประยุทธ์เท่านั้นปกป้องสถาบัน ประยุทธ์เท่านั้นปราบคนโกง (ด้วยการเอามาอยู่รอบตัว) กำลังกัดกร่อนทำลายคุณค่า ของ Soft Power ดั้งเดิม เช่นระบบคุณธรรม ระบบราชการ
เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ พูดถึงทหารประชาชนคิดถึงอะไร รถเบนซ์ควบคุมสั่งการ พูดถึงกระบวนการยุติธรรม คิดถึงอะไร เจ้าขุนมูลนายต้องมีเบี้ยประชุมมีรถประจำตำแหน่ง
ความเชื่อถือในตำรวจ หมดไปนานแล้ว ความเชื่อถือต่อระบบการศึกษา ครูอาจารย์ ยังมีบ้างถ้าไม่เอาแต่บังคับเสื้อผ้าหน้าผม แต่หลักสูตรโบร่ำโบราณให้ท่องจำสำนึกบุญคุณ เด็กอ่านและวิเคราะห์ได้เองจากโลกโซเชี่ยล ความศรัทธาต่อศาสนา? ก็อาจจะเหลือสายมู เพราะห้ามพระยุ่งเกี่ยวการเมืองสังคม
อำนาจปัจจุบันเพียงอยู่ได้กับไทยเฉย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากเดือดร้อน หลบเลี่ยงอำนาจ เลี่ยงไม่ได้ก็จิ้มก้องเอาตัวรอด แต่ไม่ได้เชื่อถือศรัทธาเช่นอดีต
อำนาจอนุรักษนิยมกัดกร่อนตัวเองอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีนี่เอง ทำลายต้นทุนของตัวเอง ไปกับการปกป้องอำนาจ เพียงแต่อำนาจยังใหญ่โตมโหฬารจนไม่เห็นทางเปลี่ยนแปลงได้ในเร็ววัน กระนั้นก็อย่าลืมว่า เวลาที่สรรพสิ่งพังทลาย มันใช้เวลาแป๊บเดียว
อำนาจอนุรักษนิยม รัฐราชการ กระบวนการยุติธรรม อวดอ้างคุณธรรมจริยธรรมมายาวนาน แต่วันนี้เพื่อรักษาอำนาจ ก็ต้องปกป้องนักการเมืองสามานย์ กลายเป็นพวกเดียวกันทั้งที่เคยรังเกียจว่าแปดเปื้อน
ถ้ารัฐบาลไปต่อ บนความพินาศทางจริยธรรม ที่รออยู่ข้างหน้าคือวิกฤตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ขึ้นดอกเบี้ย ฯลฯ ซึ่งสมองผู้นำตามไม่ทัน ต้องเอาสภาความมั่นคงแห่งชาติมาบริหารเศรษฐกิจ
อำนาจสามานย์ต้นทุนต่ำ ทหารผสมพันธุ์นักการเมือง ยังคิดจะครองประเทศต่อไป โดยคิดว่าถึงตอนเลือกตั้งก็ยังชนะ (ด้วยการเปลี่ยนสูตรไปมา) แต่อัตราเร่งของวิกฤตอาจจะดับฝัน
ทุกวันนี้ที่ยังอยู่ได้ก็เพราะอำนาจระดับบนเป็นปึกแผ่น จึงไม่แยแสประชาชน แต่ถ้าแตกแถวเมื่อไหร่ก็อย่างที่พูดๆ กัน ถ้าประยุทธ์เป็นรัฐบาลพลเรือน โดนรัฐประหารไปนานแล้ว