นายกฯ ห่วงลูกจ้างเหตุตู้คอนโทรลไฟเตาหลอมระเบิด ทำลูกจ้างเสียชีวิตและบาดเจ็บ กำชับรมว. แรงงาน ส่งทีมเฉพาะกิจ พร้อมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ตรวจสอบ และช่วยเหลือลูกจ้างให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายทันที
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเหตุตู้คอนโทรลไฟเตาหลอมในโรงงานระเบิดทำลูกจ้างเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ณ นิคมอุตสาหกรรม ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างทันที
นายสุชาติ กล่าวว่า ตนจึงได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงทันที เบื้องต้นพบว่าลูกจ้างเป็นช่างไฟฟ้าของบริษัท จี เอส เอ็นเนอร์จี่ จำกัด ได้เข้าไปซ่อมตู้คอนโทรลไฟเตาหลอมซิลิคอน โดยในขณะที่ลูกจ้างกำลังซ่อมแซมอยู่นั้นได้เกิดเหตุตู้คอนโทรลไฟเตาหลอมระเบิด และเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ส่งผลทำให้มีลูกจ้างเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 ราย โดยลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลโพธารามเรียบร้อยแล้ว
นายสุชาติ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นางโสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นำคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือการประสบอันตรายจากการทำงาน กรณีร้ายแรง พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุดังกล่าว ประสานดูแลรักษาพยาบาลลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป
นางโสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า คณะทำงานเฉพาะกิจและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และเข้าเยี่ยมให้กำลังใจลูกจ้าง โดยลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บนั้น จะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลและเงินทดแทนจากสำนักงานประกันสังคม ทางด้านลูกจ้างผู้เสียชีวิตจากรายงานของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดราชบุรี ได้ตรวจสอบสิทธิกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทนของผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย พบว่าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม เบื้องต้นได้รับสิทธิค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต และเงินบำเหน็จชราภาพ
ในส่วนของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้นั้น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเชิญนายจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจสอบว่านายจ้างได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงานหรือไม่ ในวันที่ 20 กรกฎาคม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือนายจ้าง และลูกจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ. 2554 อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดจากอุบัติเหตุหรืออุบัติภัยจากการทำงาน