FootNote:เด็ดเดี่ยว จาก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดับความเพ้อฝัน ธรรมนัส พรหมเผ่า

หากนับจากกสถานการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2564 มายังสถานการณ์ในเดือนกรกฎาคม 2565 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพลพรรคก็ต้องใช้เวลาถึง 10 กว่าเดือนในการตัดสินใจ

เหมือนกับ “เส้นแบ่ง” อย่างสำคัญคือคำสั่งปลดจาก “รัฐมนตรี” แต่ในที่สุดกลับเป็นผลสะเทือนจากการเลือกตั้ง “ซ่อม”

อาจกล่าวได้ว่า การเคลื่อนไหวจากเดือนกันยายน 2564 กระทั่งถึงเดือนมิถุนายน 2465 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพรรคเศรษฐกิจไทย ยังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มอย่างเพ้อฝัน

ทางหนึ่ง รับรู้ผ่านแต่ละรูปธรรมว่า รังสีอำมหิตอันแผ่กระจายมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าคำสั่ง “ปลด” ไม่ว่าการกดดันรุกไล่ให้ออกจากพรรคพลังประชารัฐ

แม้เมื่อแยกตัวออกด้วยมาตรการอันเปี่ยมด้วยความปรารถนาดีจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้นำ 18 ส.ส.ออกมาจัดตั้งเป็นพรรคเศรษฐกิจไทย ความเพ้อฝันก็ยังดำรงอยู่

เป็นความเพ้อฝันที่เชื่อว่าพลังของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะก่อให้กิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้ได้ “ตำแหน่ง” ในครม.กลับคืนมา

ทั้งๆที่ในสมอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยคิดในเรื่องนี้เลย

ความแจ่มชัดจึงมีอยู่ในทางความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมิได้แปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะมีความพยายามทำหน้าที่เป็นกาวใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างไรก็ตาม

บทสรุปจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง “ซ่อม” ที่ลำปางจึงเป็นคำตอบอันเป็นวิทยาศาสตร์อย่างที่สุด

นั่นก็คือ ไม่ว่าจะมองจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ว่าจะมองจากการดำรงอยู่ของพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่สามารถได้ “ไฟเขียว” อะไร จากทางด้านของรัฐบาลเลย

เมื่อเผชิญกับการตั้งแนวรุกอย่างเป็นเอกภาพจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล เพื่อกรุยทางสะดวกให้กับพรรคเสรีรวมไทย ความพ่ายแพ้จึงบังเกิดแก่พรรคเศรษฐกิจไทยอย่างเด่นชัด

การตัดสินใจถอยออกจากรัฐบาลอย่างเต็มรูปแบบ และเข้าไปอยู่ในแนวของ “ฝ่ายค้าน” จึงเท่ากับเป็นการยอมรับในความเป็นจริง

จำเป็นต้องให้เวลาแก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จำเป็นต้องให้เวลาต่อ พรรคเศรษฐกิจไทย แม้ว่ากัปปิยโวหารจาก นายสุทิน คลังแสง จะมากด้วยความอบอุ่นยิ่ง

เนื่องจาก “อาฟเตอร์ช็อก” จะต้องบังเกิดตามมาอย่างแน่นอน

ไม่เพียงแนวโน้มที่จะเกิดการแตกและแยกตัว ไม่เพียงความไม่สันทัดในการเล่นบทฝ่ายค้านอันเป็นของใหม่

วินาทีนับจากนี้ “อะไร” ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับ “เศรษฐกิจไทย”