เฮ! ค้นพบ 2 พืชชนิดใหม่ของโลก "ม่วงราชสิริน-ซ่อนแก้ว" สกุลกระพี้จั่นไทย

Home » เฮ! ค้นพบ 2 พืชชนิดใหม่ของโลก "ม่วงราชสิริน-ซ่อนแก้ว" สกุลกระพี้จั่นไทย


เฮ! ค้นพบ 2 พืชชนิดใหม่ของโลก "ม่วงราชสิริน-ซ่อนแก้ว" สกุลกระพี้จั่นไทย

นักพฤกษศาสตร์กรมอุทยาน-อ.ราชภัฏอุดรฯ ค้นพบ 2 พืชชนิดใหม่ของโลก สกุลกระพี้จั่นไทย “ม่วงราชสิริน” ที่ จ.ราชบุรี และ “ซ่อนแก้ว” ที่ จ.เพชรบูรณ์

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า นักพฤกษศาสตร์สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ถั่ว มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ค้นพบพืชชนิดใหม่ 2 ชนิด ในสกุลกระพี้จั่น (Millettia) จากประเทศไทย

คือ ม่วงราชสิริน (Millettia sirindhorniana Mattapha, Thanant., Kaewmuan & Suddee) เป็นพืชนามพระราชทาน และ ซ่อนแก้ว (Millettia tomentosa Mattapha & Tetsana) ได้ตีพิมพ์ตามกฎเกณฑ์ทางพฤกษศาสตร์ในวารสารนานาชาติ Thai Forest Bulletin (Botany) เล่มที่ 50(2) หน้าที่ : 89–99 ปี พ.ศ. 2565
https://li01.tci-thaijo.org/index.php/ThaiForestBulletin/issue/current

นายสไว มัฐผา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้เชี่ยวชาญ พรรณไม้วงศ์ถั่ว (Fabaceae) ของไทย เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ นายธีรวัฒน์ ทะนันไธสง น.ส.อนุสรา แก้วเหมือน และนายสมราน สุดดี พฤกษศาสตร์ หอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานฯ ร่วมกันตีพิมพ์พืชชนิดใหม่ของโลกคือ ม่วงราชสิริน

ม่วงราชสิริน

โดยการสนับสนุนการสำรวจในภาคสนามจากสำนักสนองงานพระราชดำริ กรมอุทยานฯ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

นายสไว กล่าวต่อว่า พืชชนิดใหม่นี้ถูกค้นพบโดยทีมงานนักพฤกษศาสตร์หอพรรณไม้ ระหว่างทำการสำรวจความหลากหลายของพรรณพืชบริเวณพื้นที่อุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ อ.สวนผึ้ง ในเดือน ส.ค. 2563 ซึ่งได้พบไม้เถาเนื้อแข็งไม่ทราบชนิด มีเฉพาะผล จึงติดตามเก็บตัวอย่าง และได้ตัวอย่างดอกในเดือน เม.ย. 2564 ได้ทำการตรวจสอบตัวอย่าง พบเพิ่มเติมบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

จากการศึกษาอย่างละเอียดพบว่าเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกในสกุลกระพี้จั่น (Millettia) วงศ์ถั่ว (Fabaceae) จึงได้ร่วมเขียนตีพิมพ์ โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ขอพระราชทานนาม ซึ่งมีชื่อพฤกษศาสตร์ที่ขอพระราชทานนามว่า Millettia sirindhorniana Mattapha, Thanant., Kaewmuan & Suddee คำระบุชนิด “sirindhorniana” ตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นายสไว กล่าวอีกว่า พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานของโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2562 และมีพระกระแสรับสั่งต่อเจ้าหน้าที่ผู้เดินทางไปร่วมรับเสด็จ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมอุทยานฯ ให้ดำเนินการสำรวจชนิดพรรณไม้ในโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพิ่มเติมอีก จำนวน 3 ลุ่มน้ำ จากเดิมที่สำรวจไปแล้ว 1 ลุ่มน้ำ พืชชนิดใหม่นี้มีชื่อไทยซึ่งเป็นนามพระราชทานว่า “ม่วงราชสิริน” ตัวอย่างต้นแบบเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

นายสไว กล่าวต่อว่า สำหรับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง กิ่งอ่อนมีขนสั้นนุ่ม เกลี้ยงเมื่อแก่ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบย่อย 7-9 ใบ เรียงตรงข้าม รูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับ ใบปลายรูปไข่กลับ มีขนาดใกล้เคียงกับใบคู่ล่างๆ หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย ใบทั้งหมดกว้าง 2.5-6 ซม. ยาว 5-15 ซม. ปลายเป็นติ่งแหลมถึงยาวคล้ายหาง โคนมนถึงมนกลม ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ด้านบนมีขนตามเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบ ส่วนอื่นเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสีน้ำตาลหนาแน่น

เส้นแขนงใบข้างละ 6-10 เส้น ก้านใบยาว 6-10 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ก้านใบย่อยยาว 3-5 มม. มีขนสั้นนุ่ม ไม่มีหูใบย่อย ช่อดอกออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อตั้งขึ้น มีขนสีน้ำตาลแดงหนาแน่น ดอกสีม่วง มีเส้นสีม่วงแดงเข้มตามยาว ใบประดับและใบประดับย่อยมีขนาดเล็ก ด้านนอกมีขน ด้านในเกลี้ยง กลีบลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5-3 มม. ผิวด้านนอกมีขนสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง กลีบดอกกลีบกลางรูปเกือบกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ปลายเว้าตี้น บนก้านกลีบมีต่อมนูน ผิวด้านนอกมีขนสีเงินที่ช่วงปลายกลีบ ช่วงโคนเกลี้ยง ด้านในเกลี้ยง

กลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมน โคนตัด เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน กลีบคู่ล่างรูปขอบขนานแกมรูปเคียว ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมนกลม โคนมน ผิวด้านนอกมีขนสีเงิน ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู้คล้ายเชื่อมติดกลุ่มเดียว รังไข่มีขนสั้นนุ่ม ผลรูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ แบน กว้าง 1.5-2.ถ ซม. ยาว 5-8ซม. มีขนสีน้ำตาลหนาแน่น

นายสไว กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับร่วมกับ น.ส.นัยนา เทศนา นักพฤกษศาสตร์ หอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้ฯ ร่วมกันตีพิมพ์พืชชนิดใหม่ของโลก คือ ซ่อนแก้ว โดยพืชชนิดนี้พบที่จ.เพชรบูรณ์ บริเวณวัดผาซ่อนแก้ว และที่ จ.เชียงราย บริเวณน้ำตกขุนกรณ์และอุทยานฯ ขุนน้ำนางนอน ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการวิจัยความหลากหลายของพันธุ์พืชในระบบนิเวศเขาหินปูนของประเทศไทย

พืชชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Millettia tomentosa Mattapha & Tetsana” คำระบุชนิด “tomentosa” ตั้งตามลักษณะขนที่หนาแน่นบริเวณรังไข่และผล ส่วนชื่อไทย “ซ่อนแก้ว” ตั้งตามชื่อแหล่งเก็บตัวอย่างต้นแบบ ที่วัดผาซ่อนแก้ว

ซ่อนแก้ว

นายสไว กล่าวต่อว่า สำหรับตัวอย่างต้นแบบเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ ผู้วิจัยได้ตรวจสอบชนิดที่มีการรายงานในภูมิภาคเอเชียและตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิงทั้งในและต่างประเทศ พบว่าชนิดนี้ยังไม่มีการให้ชื่อพฤกษศาสตร์ การพบพืชชนิดนี้ครั้งแรกเป็นตัวอย่างเพียงแค่ฝัก

ต่อมามีการตามเก็บตัวอย่างดอกเพื่อยืนยันชนิดที่ถูกต้องโดยใช้เวลา 8 ปี จนในที่สุดจึงได้ตัวอย่างที่สมบูรณ์ ได้แก่ ใบ ฝัก ดอก ผลและเมล็ด นำมาซึ่งการตรวจสอบและตั้งชื่อพฤกษศาสตร์ ประเทศไทยนับว่าพืชสกุลกระพี้จั่นมีความหลากหลายชนิดมากที่สุดในโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีการค้นพบจำนวนชนิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะในสมัยอดีตยังไม่มีการศึกษารายละเอียดมากนัก และอาจเนื่องจากพืชสกุลนี้เป็นสกุลที่ยากต่อการศึกษา

นายไสว กล่าวอีกว่า สำหรับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ไม้เถาเนื้อแข็งหรือไม้พุ่มกึ่งเลื้อย กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลหนาแน่น ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบย่อย 5-9 ใบ เรียงตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่กลับ ใบปลายรูปไข่กลับ ใบทั้งหมดกว้าง 3-6 ซม. ยาว 8-15 ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนรูปลิ่ม ขอบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบบางคล้ายกระดา ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนประปรายตามเส้นใบ ส่วนอื่นเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น ก้านใบยาว 4-10 ซม. มีขนหนาแน่น

ก้านใบย่อยยาว 4-5 มม. มีขนสั้นนุ่ม ไม่มีหูใบย่อย ช่อดอกออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง มีขนสีน้ำตาลแดงหนาแน่น ใบประดับร่วงง่าย ดอกสีขาวถึงชมพูอ่อน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5 มม. ผิวด้านนอกมีขนหนาแน่น กลีบดอกกลีบกลางรูปเกือบกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ปลายเว้าบุ๋ม ช่วงกลางก้านกลีบมีต่อมนูน ผิวด้านนอกมีขนสีทองหนาแน่น ด้านในเกลี้ยง

กลีบคู่ข้างรูปเคียว ยาว 7-8 มม. ปลายแหลม โคนตัด เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน กลีบคู่ล่างรูปเคียวถึงรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม. ผิวด้านนอกมีขนหนาแน่น ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู้เชื่อมติดกลุ่มเดียว รังไข่มีขนหนาแน่น ผลรูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับ แบน กว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 8-11 ซม. มีขนหนาแน่น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ