ลูกเกด เมทินี ตอบชัดดราม่านางงาม ถูกมองส่งเด็กเข้าประกวด ยังนั่งแท่นกรรมการ ลั่นเป็นกลาง ไม่เอาชื่อเสียง 30 ปีมาแลก ไม่คิดด่านางงามเวทีอื่น

ดราม่ากันเป็นระยะๆ สำหรับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในปีนี้ ล่าสุดก็มีดราม่านางแบบสาวตัวแม่ ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ส่งเด็กที่ตนเองสอนเข้าประกวด แถมยังนั่งเป็นกรรมการการตัดสินด้วย

ล่าสุดวันที่ 10 ก.ค. 65 ลูกเกด ไปร่วมเป็นกรรมการในการประกวด Cool kids project 2020 รอบ Final ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ก่อนเริ่มงานเจ้าตัวได้เปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว

ส่งประกวดหลายเวทีมาก? “เกดสอนค่ะ ไม่ได้ส่งค่ะ ต้องเข้าใจตรงนี้นะคะว่าเกดและโรงเรียน Muse by methinee เราสอนเด็กนะคะ เราไม่ได้ส่ง คนมักจะคิดมันก็จะมีหลายๆ คนพูดถึงว่าอย่างนี้เกดไปเป็นกรรมการแล้วแบบนี้มันจะแฟร์เหรอ ก็อยากจะบอกว่าเกดสอนนะคะ เราสอนเราไม่ได้ส่งมันต่างกัน”

เห็นดราม่าตรงนี้ไหม? “แม่ปุ้ยเล่าให้ฟังค่ะ เดี๋ยวก่อนต้องเข้าใจกันผิดแล้วว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้ส่ง เราสอน แล้วเราก็ไม่ได้สอนทุกอย่างด้วย เราสอนแค่ยืนโพสท่า บุคลิกภาพ การเดินแค่นี้ค่ะ”

ยืนยันว่าเราไม่ได้มีการส่งเด็กเข้าร่วมประกวด? “ไม่ได้ส่งค่ะ ถ้าส่งทุกคนต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว เกดจะมาปิดทำไมใช่ไหมคะ ถ้าวันหนึ่งลูกเกด เมทินี หรือ Muse ส่งนางงาม ทุกคนต้องรู้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เกดบอกคือเราสอนการเดิน เราสอนบุคลิกภาพเพราะฉะนั้นเข้าใจให้ถูกต้องนะคะ”

มีคนถามเข้ามาเยอะไหม? “ไม่เห็นใครถามเกดเลย แต่ว่ามันก็มีเป็นกระแสออกไป ซึ่งเกดก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดเลย หลายๆ คนคิดว่าการเป็นกรรมการ มันไม่ได้อยู่ที่คนๆ เดียว มันมีคณะกรรมการเป็นหลายๆ คน เพราะฉะนั้นเกดคิดว่าเกดเองคนเดียวคงไม่มีอิทธิพลที่จะเลือกให้นักเรียนของเกดหนึ่งคนชนะหรอก แล้วภาพมันก็เห็นมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครเหมาะใครไม่เหมาะนะคะ แล้วแม่ปุ้ยเองเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่จะมานั่งจิ้มนางงาม เพราะไม่งั้นจะมานั่งจัดงานประกวดทำไมถ้าอยู่ดีๆ จิ้มเอาไว้ อยากส่งใครมันก็ต้องให้แฟร์ ทุกคนเหมือนกันหมดคือเราต้องการคนต้องการผู้หญิงดีที่สุดที่จะไปเป็นตัวแทนของเมืองไทยแค่นั้นเองค่ะ”

นักเรียนของพี่เกดมีใครมาขอคำแนะนำเรื่องการประกวดไหม? “เกดจะมีน้องๆ หลายคนถ้าเห็นว่าคนนี้มีแววก็จะถามว่าสนใจไหม ถ้าสนใจหนูก็ไปสิลงเวทีนู้นเวทีนี้มันจะเป็นเรื่องการแนะนำมากกว่า เวลาเราเริ่มเปิดเทอม เกดจะให้นักเรียนแนะนำตัวเอง เราจะถามเลยว่าหนูต้องการอะไรจาก Muse อยากเรียนรู้อะไร บางคนก็บอกว่าหนูกำลังจะไปประกวดเราก็โอเค เช็ตเลยว่าคนนี้ต้องสอนให้ไปแนวทางนางงาม ถ้าอยากเดินแบบเราก็เรียนทางด้านนางแบบไปมันจะถูกเซ็ต เราจะได้รู้ได้สอนถูกจะได้ไม่เสียเวลา”

การที่เด็กนักเรียนของเราไปเข้าประกวดแล้วเราไปนั่งเป็นคณะกรรมการไม่มีผลต่อการเข้ารอบ?
“ไม่มีแน่นอน เกดเป็นหนึ่งเสียงแค่นั้นเอง เกดเชื่อว่าการที่เกดอยู่ในวงการมา 30 กว่าปีแล้วนะ เกดสร้างชื่อเสียงมาถึงขนาดนี้แล้ว เกดคงไม่เอาชื่อเสียงมาให้เสียเพราะเด็กคนหนึ่ง เพราะเกดไม่ได้ส่วนอะไรจากเขา เกดแฟร์ เกดเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าเกดเป็นคนตรงไปตรงมา เดินดีก็ดี เดินไม่ดีก็ไม่ดี เราจะไม่เฟเวอร์แน่นอน เราทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะเราเป็นครูผู้ต้องมีความเป็นกลางค่ะ”

ไม่ซีเรียสใช่ไหมที่คนมองว่าในปีอแมนด้า เราไม่เข้าไปยุ่งเลย แต่ปีนี้มีเด็กของพี่เกดอยู่? “อแมนด้า มาเรียนตั้งแต่ก่อนเข้าและหลังจากนั้น อแมนด้าเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก แล้วเรารู้สึกว่าอยากจะให้เขาไปถึงที่สุด เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่าสนิทกับน้องมาก เราก็เลยคิดว่างั้นเราก็ห่างตัวเองออกมาดีกว่า เราไม่เข้าไปดีกว่าเพื่อความแฟร์เพราะถ้าเรารู้สึกว่าเราสนิทกับน้องแล้วเราคิดว่าคนมันจะมองว่าเราเข้าข้างน้องหรือเปล่า งั้นเราไม่ดีกว่า เราไม่เข้า แต่ปีนี้เราไม่ได้สนิทกับใครเลย เพราะว่าแม่ปุ้ยบอกว่าปีนี้อยากจะให้เกดมาเป็นกรรมการเกดก็เลยทำให้ไม่สนิทกับใครเลย”

“นักเรียนมีไปประกวด MUT ปีนี้ค่อนข้างหลายคนเพราะฉะนั้นเกดจะไม่สนิทกับใครเลยจะมีเส้นไว้เลยเข้าไปดูเช็คการเดินสอนให้เทคนิคแล้วก็ออกมา เกดจะไม่ให้สนิทเลย เราจะเป็นกลาง ถ้าปีนั้นเรารู้ว่าเราจะไปนั่งเป็นกรรมการเราก็จะห่างออกมา เราชัดเจนมากเลย”

มีหลายคนที่เรียนกับลูกเกด? “นิโคลีน ป๊อบปี้ น้องเคท มีอีกประมาณ 4-5 คนที่เรียนกับเกด จะเห็นว่าเกดไม่ได้สนิทกับใครเลย น้องคนไหนถ่ายรูปด้วยกันแล้วเขาโพสต์ในโซเชียลของเขา เขาแท็กเกด เขาแท็ก Muse เกดจะรีโพสต์ แต่จะไม่มีว่าเราจะโพสต์ขึ้นของเกดเองที่เป็นแบบนี้”

“เพราะว่าแน่นอนเกดก็ทำธุรกิจคนเห็นว่านางงามมาเรียนกับลูกเกดมาเรียนกับ Muse เหมือนต่อยอดถูกไหมคะ อันนี้เราชัดเจน ถ้าเกดโพสต์รูปเองอ่ะนั้นก็จะชัดแล้วถ้าน้องได้ตำแหน่งแล้วน้องกำลังจะไปต่างประเทศแล้วเป็นลูกศิษย์เราก็อาจจะโพสต์เอง”

จากที่ได้ไปนั่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกแล้วมีการพูดเกี่ยวกับเรื่องของนางงามเดินสายก็มีฟีดแบ็กจากอีกหนึ่งเวทีที่รู้สึกว่าคำว่านางงามเดินสายเหมือนไปกดนางงามหรือเวทีอื่น รู้สึกยังไงบ้าง? “อันนี้ก็ไม่รู้นะคะ นางงามเดินสาย หรือว่านางงามที่มันจะมีประโยคอื่นไหมอ่ะ อันนี้ลูกเกดก็ไม่เก่งภาษาไทยเหมือนกัน เกดก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ประกวดหลายเวทีเขาเรียกว่าอะไรเกดไม่รู้ เกดก็เข้าใจว่าเขาเรียกว่านางงามเดินสาย แต่มันไม่ได้เป็นอะไรที่ลบนี่ เท่าที่เกดเข้าใจ มันเป็นแค่ประโยคที่เขาไว้ identify ผู้หญิงที่ประกวดหลายเวที จะเป็นนางงามเดินสายม้ามืดหน้าใหม่หรืออะไรอย่างนี้เกดคิดว่ามันเป็นแค่ประโยคที่เราใช้พูดกันแค่นั้นเองเวทีอื่นจะมีปัญหาก็เรื่องของเขา”

อีกฝั่งเขา(ณวัฒน์)มองว่านางงามที่มาประกวดใน MUT ปีนี้ มีหลายคนที่ผ่านมาหลากหลายเวทีแต่พอหมายถึงเคสของน้องอายกัญ ที่ย้ำเลยว่าเหมือนเป็นนางงามเดินสายแล้วก็เอ่ยชื่ออีกเวทีหนึ่ง เขามองว่าพี่ลูกเกดเหมือนจงใจในการพูดถึง? “พูดถึงไม่ได้เหรอ เราให้เกียรติเวทีเขานะ เราพูดถึงเขา มีอีกหลายคนที่มาจากหลายเวทีแล้วเราก็พูดชื่อทุกเวที ถ้าไม่อยากให้พูดชื่อก็บอกมาก็ได้ แต่ความเป็นจริงคือน้องเขามาจากเวทีนั้นเราก็พูด น้องคนอื่นก็ไปเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์เราก็พูดชื่อ เพราะฉะนั้นเกดเชื่อว่าในวันนั้นเนี่ยไม่มีใครด่าเวทีไหน เพราะเกดเองก็ไม่เคยด่าเวทีไหนแต่ละเวทีก็หาผู้หญิงที่งามที่สุดที่สวยที่สุดที่ดีที่สุดที่จะไปเป็นตัวแทนของเมืองไทย เกดไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ละเวทีจะต้องมาตีกันด้วย เพราะจุดประสงค์มันก็เหมือนกันนะคะ”

“เกดเลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องไปโต้ตอบอะไรให้แสงอะไรใครเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเวทีไหนถ้าไปถึงสู่ระดับอินเตอร์แล้วได้ตำแหน่งนั้นและเป็นประเทศไทยเราก็ต้องยินดีกับเขาไหม มันก็จะเป็นประเด็นทุกครั้งแหละใครพูดอะไร คนก็จะเอาสิ่งนั้นมาเป็นประเด็น อย่าให้มันเป็นประเด็นเลย จะเป็นประเด็นก็เป็นไปเหอะไม่สนหรอกเพราะเกดทำธุรกิจเกดไม่เคยคิดจะด่าหรือว่าเวทีไหนเลย ถ้าคนบางคนเขาตีความไปเป็นอย่างนั้นอันนี้ก็แล้วแต่แล้วกัน แล้วแต่ตีความเราว่าอะไรไม่ได้”

เขาประกาศกร้าวว่าถ้านักเรียนคนไหนมาเรียนจากสถาบันเขาจะปรับตุ๊บทันทีเลย? “เกดไม่รู้ว่าเขาพูดถึงสถาบันไหนก็แค่นั้นแหละ มันมีอยู่หลายสถาบัน”

คิดจะยกหูเคลียร์ไหม? “เคลียร์อะไร เกดไม่มีอะไรที่จะต้องเคลียร์อ่ะ เกดไม่ได้ทำอะไรผิด เกดทำอะไรเหรอ ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรต้องเคลียร์”

ยืนยันว่าคำพูดนั้นเราไม่ได้มีเจตนาที่จะกดนางงามเวทีอื่นเลย? “ไม่มี เกดจะฆ่าตัวเองทำไมกับการจะไปว่าเวทีอื่นเกดทำมาหากินอยู่ตรงนี้จะทำเพื่ออะไร พูดมากกว่านี้เดี๋ยวก็เป็นประเด็น”