ถูกต้องแล้วที่พรรคก้าวไกลประกาศชัยชนะ “สมรสเท่าเทียม” เป็นชัยชนะ “ประชาชน”
ไม่ว่าเมื่อประกาศ ณ เบื้องหน้าการชุมนุมของเหล่า “เพศหลากหลาย” ไม่ว่าเมื่อโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของพรรค
เพราะหากไม่มี “ประชาชน” หนุนก็ยากยิ่งที่ จะได้ “ชัยชนะ”
ไม่ว่าจะมองผ่านกระบวนการโหวตรับ “วาระหนึ่ง” ไม่ว่าจะขับเคลื่อนไปยังแนวรบอันทะมื่นอยู่เบื้องหน้า วาระสอง วาระสามและวุฒิสภา
“ประชาชน” จึงเป็น “ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก” อย่างแท้จริง
ต้องยอมรับว่าแม้จะมี ส.ส.อยู่ในมือจำนวนมาก แต่พรรคก้าวไกลก็เป็นฝ่ายค้าน
ยิ่งหากมองการยืนระยะจากพรรคอนาคตใหม่ซึ่งเคยมี ส.ส.มากถึง 80 แต่ตลอดสองรายทางก็เกิดปรากฏการณ์ “งูเห่า” ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
จากที่เคยมี 80 จึงเหลืออยู่เพียงไม่ถึง 50
มองในเชิง “ปริมาณ” พรรคก้าวไกลก็มี “มือ” เพื่อสำแดงพลังและความหมายไม่มากนัก การดำรงอยู่ของฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลจึงอยู่ที่ปัจจัยจากภายนอก
เป็น ส.ส.จากพรรคอื่น ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกันและรัฐบาล
บทเรียนที่ได้จากชัยชนะเล็กๆ ของ“สุราก้าวหน้า” และ “สมรสเท่าเทียม”จึงสำคัญ
ความสำคัญในที่นี้ คือ ความสำคัญที่พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องพึ่งพลังอันสร้างสรรค์และเป็นคุณจากฝ่ายอื่น พรรคการเมืองอื่น
ไม่ว่าพรรครัฐบาล ไม่ว่าพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน
และที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ การร่วมเคลื่อนไหวอยู่กับประชาชน สร้างจุดร่วมและอาศัยจุดร่วมนั้นมาเป็นพลังในทางการเมือง
แรงสะเทือนจาก “พลังประชาชน” จึงทรงความหมาย
ก ารต่อสู้ทางการเมืองจำเป็นต้องหา “พันธมิตร” และต้องร่วมกับ “ประชาชน”
จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มายังการเคลื่อนไหวในเดือนมิถุนายน 2565 จึงเป็นโรงเรียนการเมืองอันทรงความหมายเป็นอย่างสูง
ในทาง “ความคิด” และในทาง “การเมือง”