จากกรณีที่ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ได้พบเห็นชาย 2 คน ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ที่บริเวณตลาดสดบางปะหัน ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เข้าไปแสดงตัวจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน

ความคืบหน้าล่าสุด ที่สภ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา นางสาววลีรัตน์ ประสงค์เงิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน ได้พาตัวนายกิตติศักดิ์ และนายปกรณ์กฤษ สองพี่น้อง ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเอง เข้าพบกับ พ.ต.ท.สมนึก ประจิตร์ รองผกก.สอบสวน สภ.บางปะหัน เพื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งตัวฟ้องศาลแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากอัตราโทษปรับในความผิด จำนวน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้

นางสาววลีรัตน์ ประสงค์เงิน ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 25 เมษายน ตนเองได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พบเห็นพ่อค้าในตลาดสดบางปะหันขายของไม่สวมแมสก์ จึงได้ไปตรวจสอบ พบว่าเป็นลูกชายของตนเองซึ่งเป็นพ่อค้าขายกะทิสด นั่งคุยกันอยู่ จึงได้จับกุมตัว ทั้งที่เป็นลูกชายของตนเองเพราะถือว่ากระทำความผิด ซึ่งได้สอบถามลูกชายแล้วบอกว่า เห็นว่าไม่มีลูกค้าและคนเดินในตลาด เป็นจังหวะที่เพิ่งจะรับประทานอาหาร

จากนั้นได้รายงานต่อนายอำเภอนำตัวมาเปรียบปรับ ที่ สภ.บางปะหัน ตนเองทำหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านช่วยเหลือประชาชน และในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต้องทำหน้าที่ ดูแล ช่วยเหลือประชาชน พร้อมกับการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมโรคติดต่อ ตามคำสั่งของนายอำเภอ 

ด้าน ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนียมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน กล่าวว่า เรื่องของการจับกุมเป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดในตลาดสดบางปะหัน ไม่ใช่การจับกุมในรถยนต์ ตามที่มีการแชร์ข่าวสารไป เรื่องนี้ มีการร้องเรียนผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊กเรารักษ์บางปะหัน พบเห็นพ่อค้าในตลาดไม่สวมแมสก์ จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน ให้ไปตรวจสอบ ซึ่งรับผิดชอบตลาดอยู่ หลังจับกุมได้รายงานมาให้ตนทราบทันที ทั้งที่เป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเอง ต้องขอชื่นชมเป็นอย่างมาก และให้กำลังใจผู้ใหญ่บ้านด้วย ซึ่งเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

เรื่องการสวมใส่แมสก์เป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 สั่งให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน หรือขณะอยู่นอกเคหะสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่นหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง 

เมื่อเวลา 16.30 น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนพร้อมด้วยสำนวนพยานหลักฐานไปที่อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการตรวจสำนวนก่อนส่งฟ้องศาลซึ่งเป็นคดีที่ใหม่อยู่ระหว่างการพิจารณาจึงทำให้ไม่ทันในช่วงเวลาที่จะส่งสำนวนส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงเลื่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาตัดสินในวันที่ 27 เมษายน 2564