งานแถลงข่าวจัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ ใจเกินร้อย และ ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน เส้นทางรอบบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
โดย เสธ.หมึก พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ร่วมกับจังหวัดพิจิตร และองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และการแข่งขันจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2565 สนามที่ 1 ตนได้นำคณะทำงานของสมาคมฯ เดินทางไปประชุมเตรียมความพร้อมร่วมกับ นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, พันตำรวจเอก กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ดี ชาวบ้านประสบกับความเดือดร้อน ดังนั้นตนจึงมีแนวความคิดว่าจะต้องใช้กีฬา มาช่วยนำพาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพื่อดึงมวลชนให้เดินทางเข้ามายังจังหวัดพิจิตรจำนวนมาก ๆ อันจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้เพิ่ม ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ก็เป็นการสร้างรอยยิ้มให้แก่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร การทำความทุกข์ของประชาชนให้น้อยลง แล้วนำความสุขมาให้ประชาชนมากขึ้น คือภารกิจหลักของผู้ว่าราชการจังหวัด
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การที่จังหวัดพิจิตร ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และ “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน นอกจากเป็นการส่งเสริมด้านกีฬาและด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตรให้มีความคึกคัก เพราะจังหวัดพิจิตรไม่ใช่เมืองหลัก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมาเยือนแล้วก็ผ่านไปพักที่จังหวัดอื่น แต่เมื่อมีการแข่งขันกีฬา ก็จะนำพาการท่องเที่ยวตามมาด้วย จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดพิจิตรมากมาย
เวลานี้จังหวัดของเรากำลังปรับปรุงทำเส้นทางปั่นจักรยานรอบบึงสีไฟ ระยะทางยาว 10.28 กิโลเมตร สามารถเปิดให้ประชาชนมาปั่นจักรยาน และวิ่งออกกำลังกายได้ สิ่งสำคัญการที่จะประชาสัมพันธ์เส้นทางปั่นที่ทำขึ้นมาใหม่นี้ ก็ต้องจัดแข่งขันจักรยานเพื่อให้บรรดานักปั่นรับทราบ จังหวัดพิจิตร จึงร่วมกับ สมาคมกีฬาจักรยานฯ จัดการแข่งขันจักรยานทั้ง 2 รายการ ก็ขอเชิญชวนนักปั่นจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมแข่งขัน และมาท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตร รับรองว่าทุกท่านจะเกิดความประทับใจอย่างแน่นอน
สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน วันเสาร์ที่ 18 มิ.ย. เป็นการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) รุ่นทั่วไปชาย, รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีชาย, รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีชาย, รุ่นอายุ 30-34 ปีชาย, รุ่นอายุ 35-39 ปีชาย, รุ่นอายุ 40-44 ปีชาย, รุ่นอายุ 45-49 ปีชาย, รุ่นอายุ 50-54 ปีชาย, รุ่นอายุ 55-59 ปีชาย, รุ่นอายุ 60 ปีชายขึ้นไป, รุ่นน้ำหนัก 90 กก.ขึ้นไป อายุไม่เกิน 34 ปีชาย, รุ่นน้ำหนัก 90 กก. ขึ้นไป อายุเกิน 35 ปีชาย, รุ่นทั่วไปหญิง, รุ่นอายุไม่เกิน18 ปีหญิง, รุ่นอายุ 35 ปีหญิง เริ่มปล่อยตัวเวลา 09.00 น. เส้นทางเริ่มจากริมบึงสีไฟ หน้าอาคาร กศน.เก่า ไปตามเส้นทางที่กำหนด แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่หน้า อาคาร กศน.เก่า ระยะทางรวม 40 กิโลเมตร โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ Thaicycling Association ให้ชมตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ส่วนรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปีชาย, รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีชาย, รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีหญิง ปล่อยตัวเวลา 09.15 น. แต่ปั่นคนละเส้นทาง ระยะทางรวม 11.80 กิโลเมตร
ส่วนวันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. เป็นการแข่งขัน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” เริ่มเวลา 08.00 น. ปล่อยตัวรุ่น AV 40, เวลา 08.05 รุ่น AV 35 และเวลา 08.10 น. รุ่น AV30 เส้นทางเริ่มจากริมบึงสีไฟ หน้าอาคาร กศน.เก่า แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่เดิม ระยะทางรวม 64.60 กิโลเมตร โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ Thaicycling Association ให้ชมตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นักกีฬาที่ต้องการสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน จะต้องลงทะเบียนสมัคร พร้อมทั้งทำไลเซนส์ (license) หรือบัตรอนุญาตแข่งขัน ผ่านเว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และปิดรับสมัครในวันพุธที่ 14 มิถุนายน เวลา 24.00 น. ซึ่งจะไม่มีการเปิดรับสมัคร ณ บริเวณสนามแข่งขัน นักกีฬาสามารถติดตามรายละเอียดที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ หรือสอบถามได้ที่ โทร.0-2719-3340-2 ในวันและเวลาราชการ