มาย-อาโป ปลื้ม ‘คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์’ เตรียมออกโชว์โกอินเตอร์ ซัพพอร์ต LGBTQ+
มาย-อาโป ปลื้ม / วันที่ 7 มิ.ย. ที่ โรงภาพยนตร์ สยามภาวลัย ชั้น 6 สยามพารากอน บริษัท บี ออน คลาวด์ จำกัด จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมประกาศความสำเร็จของซีรีส์ที่มีกระแสตอบรับจากแฟนทั่วโลก จนทำให้เกิดโปรเจ็กต์ ‘KinnPorsche The Series World Tour 2022’ ขึ้น
โดย 2 นักแสดงนำในซีรีส์ ‘มาย’ ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ ‘อาโป’ ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ได้เปิดใจถึงความสำเร็จของ ‘คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์’ ซีรีส์วายแนวแอ๊กชั่น โรแมนติก ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
รู้สึกยังไงบ้างกับกระแสที่เกิดขึ้นขนาดนี้? มาย “เกินฝัน เพราะว่าในความฝันไม่ได้คาดว่าจะมีคนชื่นชอบในงานแล้วก็ชื่นชอบในตัวตนของเรามากขนาดนี้ ในความฝัน จริงๆ ต้องบอกว่าทุกๆ วันคือกำไรของชีวิต ที่เราได้เจอเรื่องราวดีๆ ได้ส่งมอบความรู้สึกดีๆ แต่กำไรรอบนี้เป็นกำไรที่ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหน ก็สุดยอด (ยิ้ม)”
อาโป “ส่วนตัวผมมันไม่เกินฝัน เพราะว่าเราไม่ได้ฝันไว้ เราได้ทำอะไรที่มันน่าเหลือเชื่อกับตัวเองมากเพราะหลายๆ สิ่งเรามักจะมีกำแพงกับตัวเอง อย่างเช่นเรื่องง่ายๆ คือการเต้น การร้องเพลงอะไรแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้มั่นใจ พอวันหนึ่งทีมบอกว่าเราทำได้นะ ลองฝึกดูหน่อยแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเราก็ทำ พอเห็นตัวเองทุกวันนี้ก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเองแล้วก็รู้สึกภูมิใจที่ได้อยู่กับ Be on cloud ครับ”
ถ้าพูดถึงเรื่องความพยายามกว่าจะมาถึงจุดนี้ตั้งแต่ก่อนการถ่ายทำ ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน? มาย “ต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ โดยที่สุจริตแล้วก็ไม่เบียดเบียนคนอื่น ผมจะคิดแบบนี้ตลอด แล้วเวลาทำงานคือผมทำงาน เอาทุกอย่างโยนทิ้งหมดเลยทุกอย่างที่มีแล้วมาโฟกัสที่คินน์พอร์ช โฟกัสกับโปรเจ็กต์ต่างๆ ของคินน์พอร์ช ตลอดปีครึ่ง คือทุกอย่างผมโยนทิ้งหมดจริงๆ สำหรับผมเท่านี้ก็ถือว่าผมให้คุณค่ากับงานมาก แล้วยังได้ผลตอบรับที่ดี แล้วมีคนที่รักที่ชอบ ผมว่ามันยังไปต่อได้อีกในความรู้สึกที่เราจะส่งไป”
มันคุ้มค่าที่จะวางโปรเจ็กต์อื่น แล้วมาทุ่มให้เวลากับตรงนี้? มาย “ใช่ ถามว่าเต็มที่ขนาดไหน เต็มที่ที่สุดเท่าที่ผมจะนึกออกโดยที่ผมไม่ไปทำร้ายคนอื่น”
อาโป “คือเหมือนเราไม่รู้หรอกว่า ณ วันนั้นมันจะเป็นแบบวันนี้ เพราะว่าทุกครั้งที่เขาถ่าย บทมันแปลกใหม่มาก ซึ่งถ้าเกิดคนดันไม่ชอบ แฟนๆ ไม่ชอบ ไม่ให้การตอบรับที่ดีก็อาจจะล้มไปเลยก็ได้ แต่วันนี้จริงๆ สิ่งหนึ่งก็คืออยากจะขอบคุณแฟนๆ มากๆ
ขอบคุณพี่ๆ สื่อทุกคน ที่ให้การตอบรับที่ดีมาก มันเติมเต็มไปทุกๆ วัน แล้วเราก็อยากจะทำความสุขตอบแทนให้กับทุกๆ คนในทุกๆ วันเช่นกัน เราเหนื่อยกันมากๆ ณ วันนั้นด้วยความที่เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบวันนี้ เราเหนื่อยชนิดที่แบบเราไม่รู้ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่แล้ว เราแค่ทำไปเรื่อยๆ”
กับชื่อเสียงที่มันเข้ามา จนประสบความสำเร็จ? อาโป “ผมมองว่าชื่อเสียงคือผลพลอยได้นะ สิ่งที่สำเร็จที่สุดคือเราส่งความสุขให้คนแล้วถึงจริงๆ ด้วย แล้วทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีความสุขขึ้น (ยิ้ม) เราดีใจมากเพราะกำลังใจของเขาก็ทำให้พวกเรามีความสุขเช่นกัน เหมือนเติมเต็มกันไปมา”
พลังซัพพอร์ตจากแฟนๆ ในไทย ก็เป็นกำลังใจที่ดีแต่พอกระแสจากแฟนคลับจากต่างประเทศมันก็ยิ่งทวีคูณ? อาโป “คือแค่รู้สึกว่าเหมือนคินน์พอร์ช เป็นสารที่ทั่วโลกเข้าใจได้ในแบบเดียวกัน ก็ประทับใจ”
คิดว่าอะไรเป็นกุญแจทำให้เรามายืนตรงนี้ และมีเวิลด์ทัวร์ด้วย? มาย “ถ้าสำหรับผม คือผมโฟกัสอย่างเดียวจริงๆ ผมเชื่อในการโฟกัส อย่างที่สองคือทีม ผมคุยกับพี่ปอนด์ ผมคุยกับอาโปทีแรกเลยว่าอยากทำอะไรที่มันแตกต่าง
อยากทำอะไรที่กล้าที่จะทำ จริงๆ ไม่ใช่แค่ว่าขายไปว่าจะทำแล้วไม่ทำ คีย์ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คน เก็ตความเป็นมนุษย์ในเรื่อง เก็ตความทะเล้น เก็ตความน่ารัก ความเซ็กซี่อะไรต่างๆ ในเรื่อง จนเกิดเป็นคินน์พอร์ชอย่างทุกวันนี้”
เราเป็นตัวแทนจากคินน์พอร์ชอยากให้พูดถึงความรู้สึกของนักแสดงซีรีส์วาย เรารู้สึกยังไงบ้าง มีกรอบหรืออะไรไหม? อาโป “ผมว่าถ้าเกิดเป็นภาพลักษณ์ภายนอกเรื่องเราก็อาจจะเป็นซีรีส์วาย แต่เป้าหมายที่เราวางไว้กันตั้งแต่แรกเราไม่ได้มองแต่ซีรีส์วาย เราคือซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เล่าถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจนว่า
มนุษย์ทุกคนบนโลกเติมเต็มยังไงบ้างถึงอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่แค่มาเจอกันหรือมาอยู่ด้วยกันในบางพาร์ต แต่ว่าคินน์พอร์ชคือทำให้เห็นว่าเติมเต็มยังไงกันบ้าง อันนี้คือสิ่งที่น่าสนใจ และโชคดีที่สุดเลยคือทั่วโลกดันเข้าใจกับเราในสารที่เราสื่อออกไป ซึ่งดีใจมากๆ
และขอตอบคำถามว่าคีย์หลักของคินน์พอร์ช สำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องของการวางแผน พี่ปอนด์ (กฤษดา วิทยาขจรเดช) วางแผนไว้แต่แรกว่าจะทำยังไง แต่ละนักแสดงคือจะอยู่ในตำแหน่งแบบไหน และสิ่งที่ทั้งทีมงานและทุกคนได้จากบริษัท Be on cloud คือความเป็นมนุษย์ ความเป็นธรรมชาติ เขาสอนให้เราเป็นมนุษย์ พอเราเป็นมนุษย์ เราจะเข้าใจตัวละคร ผมว่าสิ่งนี้คือคีย์หลัก”
มาย “ผมขอขยายความ คือถ้าเราจะนิยามว่าซีรีส์วาย ซีรีส์ผู้ใหญ่หรือเด็ก ก็แล้วแต่คนจะนิยาม ต่อให้คนจะนิยามหรือไม่นิยามมันก็คือสิ่งที่สวยงาม คือถ้าไม่สีซีรีส์ที่กล้าแสดงออกแบบนี้ ให้วงการมีช้อยส์สำหรับคนดูให้ดูหลากหลาย
ผมว่าคีย์ที่ผมบอกคือการกล้าแสดงออก ถ้าทุกคนกล้าแสดงออก กล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราทำดี ทำออกไปยังไงก็มีเสน่ห์ เราไม่ต้องคาดหวังหรอกว่าเสน่ห์มาจากว่าคนต้องชอบนะ แต่ว่าการที่เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้ทำผลงานดีๆ ออกไป เท่านี้ผมก็แฮปปี้มากๆ แล้ว”
อาโป “ผมเคยพูดกับพี่ปอนด์และทีม Be on cloud คำหนึ่งว่า การเล่นคินน์พอร์ชจบ สำหรับผม ผมสามารถเลิกทำงานไปทั้งชีวิตได้เลย นอนอยู่บ้านได้เลยครับ ให้เห็นภาพชัดๆ ครับ”
เดือนนี้เป็นเดือน Pride month เราอยากจะสนับสนุนหรือเป็นกระบอกเสียงให้ LGBTQ+ ตรงนี้ยังไงบ้าง? มาย “ต้องบอกอย่างนี้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามมาก พูดถึงในเชิงนิตินัยที่มาซัพพอร์ตความรักแล้วกัน ผมเชื่อว่าหลายๆ อย่างที่สังคมมี ควรจะมีพาร์ตของนิตินัยที่มาซัพพอร์ต เพราะว่าเขาไม่ใช่แค่เพื่อน เขาคือคู่ชีวิต คู่รัก การที่คนเราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในแบบไหนที่คนนิยาม
ผมว่าสุดท้ายแล้วเราไม่รู้ดีเท่าเขา สิ่งที่เขาควรจะได้รับคืออิสระทางการตัดสินใจ ทางความคิด แล้วที่สำคัญเรื่อง Pride month ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สังคมวงกว้าง ทั้งในและต่างประเทศให้การซัพพอร์ตที่ดีขึ้น ซึ่งผมรู้สึกดี เพราะผมเห็นเรื่อง Pride month มาตั้งแต่ผมเด็กๆ
คือเมื่อก่อนดูสารคดี แล้วเคยเห็นวงดนตรีเขาถือธง เราตอนเด็กมากๆ 5-6 ขวบเรายังไม่เข้าใจ แต่พอโตมาเรามีเพื่อนต่างๆ นานาเราเข้าใจ เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่เราควรจะเปิดรับ เปิดกว้าง ผมว่าความแตกต่างคือสิ่งที่สวยงาม”
อาโป “ใช่ครับ เพราะว่าเรื่องราวคือแกนหลักที่เน้น และพูดกับนักแสดงทุกๆ วัน คือเขาแฮปปี้ที่นักแสดงทุกคนแตกต่างกันหมด ไม่มีใครเหมือนใคร แล้วจริงๆ LGBTQ+ เขามีอะไรที่มันลึกกว่านั้น เขาแค่อยากใช้ชีวิตเป็นปกติ
คือถ้าในเชิงนิตินัยเหมือนที่พี่มายว่าเนี่ย ถ้าเกิดว่ามันมีขึ้นมาเนี่ย มันสามารถทำให้เขาซื้อบ้านร่วมกันได้ ทำธุรกรรมร่วมกันได้ แล้วโปว่ามันมีความสุขทั้งเขาและเรา เรามีความสุขที่เราได้เห็นมนุษย์คนหนึ่งมีความสุข โปคิดว่าพวกเราซัพพอร์ตนะ”
สุดท้ายอยากให้เราทั้งคู่ขอบคุณกันและกัน ที่จับมือพากันมาถึงทุกวันนี้ได้? มาย “ยากสุดเลยนะ (หัวเราะ) แซวเล่นๆ ก็คือผมเป็นคนขี้เขิน เวลาขอบคุณผมจะขอบคุณทางอ้อม แต่ถือเป็นโอกาสที่ดี ก็ต้องขอบคุณโปมากๆ อีกครั้งหนึ่ง จริงๆ แล้วถ้าไม่มีพาร์ตเนอร์ที่ดี ไม่มีคนที่ส่งเสริมกันอยู่ข้างๆ
มันก็คงไม่พาให้ผมได้ส่งงานออกไปได้ดีขนาดนี้ ให้คนดูได้รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ ความสนุกผ่านเรื่อง และที่สำคัญคงไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขมากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่โป คือเราเคยจินตนาการนะ ก็นึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นยังไง ก็ต้องขอบคุณโปมากจริงๆ โอ๊ยปากแข็ง เขิน (หัวเราะ)”
อาโป “ก็คล้ายๆ พี่มายว่าครับ คือถ้าวันนี้ไม่ใช่พี่มาย ก็คงนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยจริงๆ โปไม่ใช่พวกแสดงออกมากเท่าไหร่ โปไม่ใช่คนที่รักที่จะแสดงอะไรต่อหน้าใคร แล้วพี่มายหรือทางทีม Be on cloud ก็เชื่อแบบเดียวกัน
ว่าอยากจะให้ทุกอย่างมันเรียลมากๆ ยูรู้สึกยังไงกัน ก็ให้มันเป็นแบบนั้นออกไป ไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไร ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ขอบคุณพี่มายแล้วก็ทีมบีออนคลาวด์ ที่เห็นตรงกัน ทำให้พวกเรามีความสุขในทุกๆ วันที่ลืมตาขึ้นมาเลย ก็ขอบคุณทั้ง Be on cloud ทั้งพี่มายเลยครับ (ยิ้ม)”