หากมองผ่านปรากฏการณ์ “ไพรด์นฤมิต” ร่างกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” น่าจะมีอนาคต

คำว่ามี “อนาคต” ในที่นี้มิได้มองแต่เพียงการมีคนจากพรรคเพื่อไทย คนจากพรรคไทยสร้างไทย และคนจากพรรคสามัญชนเข้าร่วม

หากที่สำคัญดูจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้า

พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช ถึงกับมองพลังของ “ไพรด์นฤมิต” คือนิมิตหมายที่ภาคเศรษฐกิจควรสนใจ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกับเอาสายรุ้งอยู่ลอด “พระแม่ธรณีบีบมวยผม”

นี่ย่อมส่งผลสะเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย

ภาพอันปรากฏอย่างคึกคักของ “ไพรด์นฤมิต” สร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างเด่นชัด

ไม่ว่าจะเป็นสีสันการแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นคำขวัญอันสำแดงผ่านการยกชู รวมถึงความกล้าในการนำเสนอตัวตนของตนอย่างตรงไปตรงมา

ตั้งแต่สีสันแห่งอาภรณ์ กระทั่งการยืนเปล่าเปลือย

ยิ่งการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นโลโก้แห่งการเคลื่อนไหวในด้านการข่าว ยิ่งทรงความหมาย

เท่ากับเปิด “พื้นที่” ให้กับ “ไพรด์นฤมิต” มากยิ่งขึ้น

กระนั้น หากมองจากพื้นฐานของพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย ก็จะเห็นอีกด้าน

เป็นด้านอย่างที่เรียกว่าเป็น “การช็อก” ในทางวัฒนธรรมอย่างชนิดที่เรียกว่า “ก้าวกระโดด” อย่างน่ากลัวและน่าใจหาย

เหมือนกับเห็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เต้นไปกับ “แจ๊ซแบนด์”

นักการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างไร นักการเมืองจากพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไร นักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร

ทั้งหมดย่อมส่งผลสะเทือนต่อร่างกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม”

ยอมรับเถิดว่าในห้วง 1 และ 2 ปีหลังนี้มีเรื่องให้ต้องหวั่นไหวเกิดขึ้นมากมาย

การปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” และ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” กระทั่งนำไปสู่ “คณะราษฎร 2563” ก็ระทึกในความเชื่อดั้งเดิมอยู่แล้ว

นี่ยังตามมาด้วย “ไพรด์นฤมิต” อย่างเต็มหู เต็มตาอีก