'สุทิน' ซัด 'ประยุทธ์' มือไม่ถึง จัดงบสิ้นหวัง ชี้ตั้งงบกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกม.การคลัง เสี่ยงติดคุก

Home » 'สุทิน' ซัด 'ประยุทธ์' มือไม่ถึง จัดงบสิ้นหวัง ชี้ตั้งงบกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกม.การคลัง เสี่ยงติดคุก


'สุทิน' ซัด 'ประยุทธ์' มือไม่ถึง จัดงบสิ้นหวัง ชี้ตั้งงบกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกม.การคลัง เสี่ยงติดคุก

‘สุทิน’ ซัด ‘ประยุทธ์’ มือไม่ถึง จัดงบสิ้นหวัง ส่อทุจริต ทำงบประมาท เป็นขอทานขี้โกง อัด รบ.หมดสภาพ ตั้งงบกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกม.การคลัง เสี่ยงติดคุก

เวลา 23.45 น. วันที่ 2 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายสรุปว่า ครั้งนี้น่าจะเป็นงบครั้งสุดท้ายของสภาฯ ชุดนี้ และฝ่ายค้านได้ประกาศมติว่าจะไม่รับหลักการ ซึ่งได้มีเสียงวิจารณ์ว่าเราเล่นเกมการเมือง ผิดวัฒนธรรมประเพณีที่เคยทำมา ครั้งนี้จัดงบหัวเลี้ยวหัวต่อ ประชาชนลำบาก ประสบวิกฤติมาหลายปี ซึ่งเราอยากให้ประเทศฟื้นซึ่งการจัดงบต้องละเอียด

วันนี้ประเทศป่วย ประชาชนเป็นทุกข์ การพิจารณางบเหมือนการเอกซเรย์ประเทศ ป่วยก็จ่ายยา แต่ค่ายา 3.185 ล้านล้านบาท ต้องดูว่าจ่ายยาถูกหรือไม่ ถ้าจ่ายยาผิดก็ฟุบแล้วตายเลย เราเคยเจอหลายโรคทั้งโรคความมั่นคง แต่ครั้งนี้เป็นโรคเศรษฐกิจอักเสบมา 4 ปี ถ้าแก้ไม่หายก็จะเรื้อรัง ถ้าปีนี้แก้ไม่ฟื้นก็จะเป็นมะเร็งล้มละลายเหมือนหลายประเทศ

วันนี้อาการประเทศเป็นแบบรายได้ต่ำ รายจ่ายสูง เมื่อไม่สมดุลก็เป็นหนี้ หนี้ประเทศสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนจะทะลุ 100% ของจีดีพี หนี้เอ็นพีแอลก็สูง ขณะที่รัฐบาลประมาณการเศรษฐกิจว่าจะโต จึงเป็นปฐมเหตุของการตั้งงบประมาณผิด

นายสุทิน อภิปรายว่า หากดูตัวเลขเหมือนฟื้นตัวช้าๆ เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจสี่ตัวไม่กระดิก ทั้ง 1.การบริโภคภาคเอกชนนิ่ง 2.การลงทุนภาคเอกชนตายสนิท 3.การส่งออกสุทธิดีขึ้น พอขยับตัวบ้าง แต่แรงพอหรือไม่ซึ่งไม่ และ 4.ต้องหวังพึ่งการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดิน หากเราทำดีเครื่องยนต์ตัวนี้จะผลักเครื่องยนต์ตัวอื่นให้เดิน

ดังนั้นการพิจารณางบครั้งนี้ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จริงๆ แล้วจีดีพีที่ขยับนิดหน่อยเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อโควิดสร่าง คนอั้นก็ขยับมาจับจ่ายใช้สอย ถ้ารัฐบาลจัดงบดีๆ เศรษฐกิจจะเดินได้ เครื่องยนต์ทั้งสี่ตัวต้องใช้งบกระตุ้นให้เครื่องแรงขึ้น แต่ถ้าจัดผิดเครื่องก็ดับต่อ เมื่อยังไม่ดีเราไม่อยากปล่อยให้ถึงวาระ 2-3

วันนี้ทั้งโควิด สงคราม เงินเฟ้อ น้ำมันแพง ทำให้เครื่องยนต์เหล่านี้ดับต่อ ที่สำคัญโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมคือปัญหาซึ่งมาก่อนโควิด ปัญหาวันนี้ซึมลึก คนจนไม่น้อยจะไม่ฟื้น นอกจากนี้ความสามารถของผู้นำประเทศและรัฐบาลก็สำคัญ ถ้านายกฯ ไม่เก่ง ฝีมือไม่ถึงคงไม่ได้

นายสุทิน อภิปรายต่อว่า เมื่อเอาปัจจัยทั้งหมดมาเป็นตัวตั้ง ต้องวิเคราะห์สถานะการเงินของเรา ซึ่งรัฐบาลวิเคราะห์ปัญหาแบบประมาทมาก งบประมาณที่เราทำปีนี้ เป้าหมายดีที่สุด คือต้องดูแลประชาชน 65 ล้านชีวิตให้รอด โดยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และต้องดูแลประเทศให้กลับมา ต้องทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจสี่ตัวเดินให้ได้ และต้องติดในปีนี้

นอกจากนี้ต้องวางความมั่นคงโดยวางการลงทุนระยะยาว แต่ถามว่าจัดงบแบบนั้นหรือไม่ เมื่อมาดูมีข้อกังวลที่ให้งบผ่านไม่ได้ คือ 1.ทำแบบเดิมๆ คิดแบบเดิมๆ ซึ่งรัฐบาลไม่ชี้แจงเลยว่าคิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่อะไรบ้าง และกระบวนการทำงบเป็นความต้องการของปีที่แล้วซึ่งไม่อัพเดท เป็นงบประมาณขาดดุล ต้องกู้ โดยงบประจำสูงขึ้น งบลงทุนต่ำ ซึ่งไม่มีความหวังที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

เป็นเพราะนายกฯ คนนี้ตั้งแต่ปี 57 จนถึงปีนี้ งบประจำขึ้นมา 30% นายกฯ ก็ยอมรับซึ่งเป็นความคิดที่อันตราย น่าผิดหวัง และเอางบประจำมาลงทุนน้อย ซึ่งอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท และเป็นการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น ซื้อเอฟ 35 ซื้อเรือดำน้ำ ซื้อโดรน และเกิดรายจ่ายโดยเฉพาะค่าบำรุงรักษาจำนวนมาก จนเป็นขอทานขนาดนี้เราต้องรัดเข็มขัด แต่กลับเอางบไปแจกจ่ายอีก

นายสุทิน อภิปรายอีกว่า ที่สำคัญไม่ตอบโจทย์ประเทศ วันนี้ต้องลดรายจ่ายประชาชน เกษตรกรรอว่าจัดงบแบบไหนให้ปุ๋ย อาหารสัตว์ ยาฆ่าแมลงถูกลง สินค้าเกษตรสูงขึ้น ส่วนพ่อค่าแม่ขายต้องจัดงบให้ค้าขายได้ เอสเอ็มอีต้องโงหัวขึ้น ข้าราชการก็รอว่าจะปรับเงินเดือนให้เขาได้อย่างไร ส่วนผู้ใช้แรงงานก็รอค่าแรงขึ้น ผู้สูงอายุ เยาวชนก็รอดูก็ไม่มี คนหนุ่มสาวก็รอดูว่าจัดงบแล้วจะมีงานทำหรือไม่ ทุกฝ่ายรอฟังว่าตอบโจทย์หรือไม่ ทั้งหมดพบแต่ความสิ้นหวัง

นายกฯ ตอบหลายครั้งว่าจะเอาเงินมาจากไหน ประเทศไม่มีเงิน ตรงนี้เราผิดหวัง งบประมาณจะบอกรายรับ เมื่อไปดูท่านประมาณการรายรับผิด ทำให้การจัดงบผิดหมด ท่านบอกจีดีพีจะโต 3-4% รายรับ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งหลายสำนักบอกเป็นไปไม่ได้ เมื่อประมาณการรายรับผิด ท่านต้องกู้เพิ่มซึ่งจะชนเพดาน กู้ได้อีกแค่ 2 หมื่นล้านบาท ในที่สุดเครื่องยนต์ฟุบต่อ ถามว่าปล่อยไปได้หรือ ที่สำคัญนายกฯ หาเงินไม่เป็น รีดภาษียิ่งหนัก ตายเลย กลายเป็นงูกินหาง

“วันนี้นอกจากสิ้นหวังกับงบประมาณ ที่ผิดหวังคือมีแววทุจริต เป็นขอทานแล้วยังจะโกงอีก งบประมาณไปลงที่ จ.บุรีรัมย์ กองทัพมีอารมณ์จัดซื้ออาวุธ ถ้าสมเหตุผลไม่ว่า แต่ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ เอฟ 35 ซื้อทำไม วันนี้เป็นขอทานควรต้องประหยัด แต่มีงบเปิดช่องให้ทุจริตเยอะ เช่น ทำระบบน้ำ ขุดคลอง ตั้งบบ 5 แสนหวังหนีอีบิดดิ้ง หวังหาผู้รับเหมาเจาะจง

ถ้าบ้านเมืองรวยแล้วก็ไม่ว่ากัน แต่เป็นขอทานยังโกงเอาเงินไปแจกจ่าย เป็นงบส่อโกง และจะกลายเป็นงบที่เจอทางตัน ตั้งแต่ปี 57 จนถึงปัจจุบัน ในที่สุดจะจนมุมหลายเรื่อง งบลงทุนและงบกู้ชดเชยขาดดุลห้ามเท่ากัน แต่ปี 65 จัดงบเงินกู้สูงกว่างบลงทุน ผิดกฎหมายการคลัง นี่คือตัวอย่างงบที่จะเจอทางตัน ถ้าปีนี้ลูกผีลูกคนแบบนี้เราจะพาลผิดด้วย ใครรับก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางไปเอง” นายสุทิน ระบุ

นายสุทิน อภิปรายว่า งบลงทุนในฉบับนี้มีเพียง 17% ยังไม่พอ เอกชนไม่ลงทุนก็อยู่ที่นายกฯ และรัฐบาล ความน่าเชื่อถือไม่มี ที่เราหวังมากคืออีอีซี ถ้าติดเครื่องยนต์ก็กระโดดเลย แต่อีอีซีวันนี้ยังเป็นขาจ่าย รัฐบาลยังควักเงินไปสมทบพีพีพี เอกชนก็ไม่มา สัญญาณชีพรัฐบาลต่ำ ส่วนการท่องเที่ยวที่ว่าบูมขึ้นยังไม่อยู่ในภาวะเสถียร

ทั้งนี้ เราสิ้นหวังเพราะจัดงบแบบเจอทางตันและส่อทุจริต ถ้าเป็นแบบนี้เครื่องยนต์การลงทุนภาครัฐอาจริบหรี่ เพราะกู้ไม่ได้ เครื่องยนต์ที่เหลือตาย เจ๊งหมดเลย ดังนั้นต้องสังคายนาใหม่ ทางออกคือต้องปรับระบบทำงบประมาณใหม่หมด เอาความต้องการของประชาชนเข้ามา

แต่วันนี้ผีตกป่าช้าแล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อปัจจัยทุกตัวขจัดได้ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่ แต่รัฐบาลหมดสภาพที่จะทำงบให้ประเทศรอด ท่านอยู่ไปก็จะทำแบบที่ทำมา ไล่ไปมาปัญหาคือคนบริหารงบ นายกฯ จะคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วนายกฯ จะเอาอย่างไร

นายสุทิน อภิปรายต่อว่า ปัญหาที่ตัวผู้นำคือการไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับว่าเศรษฐกิจล้มตั้งแต่ก่อนโควิด พอโควิดไปท่านก็ไม่ฟื้น โรคกำเริบเพราะโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม รัฐบาลหมดสภาพ วันนี้ถ้าปล่อยงบฉบับนี้ไปเหมือนทุกปี แล้วรอไปแก้ในวาระ 2-3 เสียงข้างมากก็รัฐบาล แก้ไม่เคยได้ หรือต่อให้แก้ได้ก็แก้ไม่ได้แล้ว เพราะปัญหาชนหลายอย่าง

การที่บอกว่าไม่รับงบเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงประชาชน เป็นการทำให้ประชาชนไว้เขว รัฐธรรมนูญระบุว่างบตกได้ แต่มีกันชนให้ประชาชน ไม่ต้องวิตก คือใช้งบปีเก่าไปพลางซึ่งก็ยังมีเยอะ แล้วไปทำงบมาใหม่ แต่ถ้าเป็นคนเก่า ชุดความคิดเก่าก็จะมาแบบเดิม สู้ให้ตกไปแล้วท่านก็ไปรอให้คนอื่นมาทำ ก็ให้พวกตนมาทำ

วันนี้ถึงจุดที่ต้องเอาประชาชน เอาประเทศ แต่นายกฯ ชินชาไม่ตอบสนอง สัญญาณชีพต่ำ ความเชื่อมั่นยิ่งไป ข้าราชการจะเกียร์ว่าง นักลงทุนจะชะลอ ดังนั้นที่บอกว่าถ้าไม่รับแล้วประชาชนลำบาก ตนคิดว่าประชาชนอาจโชคดีกว่าหากปล่อยงบฉบับนี้ผ่านไป

“ฝ่ายค้านขอรับผิดชอบกับประชาชนว่าถ้างบไม่ดี เราไม่เห็นด้วยที่จะให้งบผ่านสภาฯ เพื่อนำไปใช้ การไม่รับวันนี้ คือการขอโอกาสให้ประชาชน ขอโอกาสทำใหม่ให้ฟื้น ที่กำลังโงหัวจะได้ฟื้นแล้ววิ่งได้ ยืนยันว่าเรารับไม่ได้จริงๆ ขอโอกาสทำใหม่ให้เครื่องยนต์สี่ตัวติด ขอโอกาสให้ประชาชน ขอโอกาสให้ประเทศ” นายสุทิน ระบุ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ