FootNote:วิถีแห่ง เปรม ติณสูลานนท์ หนทาง ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่เพียงแต่บทเรียนจากกรณีของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กำลังหลอกหลอน ต่อสถานะแห่งการดำรงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหนักแน่นและจริงจัง

จากปรากฏการณ์ที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับเลือกอย่างท่วมท้นถล่มทลาย จากชาวกรุงเทพฯกว่า 1.3 ล้านคนเท่านั้น

หากแต่ละจังหวะก้าวอันเคลื่อนไหวโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นับแต่เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม เป็นต้นมา ยังก่อให้เกิดภาพเปรียบเทียบอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง

ไม่เพียงแต่เปรียบเทียบไปยังกระบวนการทำงานในแบบของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกทม.” จากอำนาจของมาตรา 44 โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น

หากที่สำคัญเป็นอย่างการปฏิเสธ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ของชาวกรุงเทพฯก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธมาตรา 44 เป็นการปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้ใช้มาตรา 44

นี่คือ “ประชามติ” อันเท่ากับเป็น “เสียงสวรรค์” ของชาวกรุงเทพฯที่ส่งสัญญาณผ่าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการปฏิเสธต่อ “รัฐประหาร” โดยตรง

ปรากฏการณ์จากคะแนนเสียงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงกวาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปรวมอยู่กับ “นายกรัฐมนตรี” ที่ถูกปฏิเสธในทางการเมืองจากประชาชน

ไม่ว่าจะเป็น จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไม่ว่าจะเป็น จอมพล ถนอม กิตติขจร ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

เด่นชัดว่า 1 เป็นการปฏิเสธเพราะอยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนาน จนสร้างความเบื่อหน่าย 1 เป็นการปฏิเสธ เพราะไม่ตระหนักรู้ว่าประชาชนเสื่อมความนิยมกระทั่งเกิดความเกลียดชัง

ในที่สุด จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ถูกรัฐประหาร ในที่สุด จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ถูกประชาชนเดินขบวนขับไล่ และถูกกดดันจากพวกเดียวกันให้ต้องเดินทางออกนอกประเทศ

จึงมีเพียง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้นที่ศึกษาสถานการณ์ด้วยความรอบคอบและเปล่งคำว่า “ผมพอแล้ว” ออกมา

หนทางของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จึงเป็นหนทางอันประเสริฐ ภายหลังจากอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 8 ปี

และที่สุดก็ได้รับยกย่องและสถาปนาขึ้นเป็น “รัฐบุรุษอาวุโส”

เบื้องหน้าสภาพการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังประสบจึงมี “ตัวเลือก” มากมายให้พิจารณาและตัดสินใจ

จะเลือกแบบ “จอมพลถนอม” หรือแบบ “พลเอกเปรม”