เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดหาระบบการกำจัดขยะที่เหมาะสม รวมถึงจัดหาครุภัณฑ์
เช่น รถเก็บขนมูลฝอย เครื่องจักรขนาดใหญ่ และการก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะ ซึ่งได้ดำเนินการตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด และมีการเผยแพร่รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อสาธารณะ
รวมถึงได้สร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการผ่านสื่อต่าง ๆ พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ทุกโครงการ
นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่โครงการที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีในเว็บไซต์ของสำนักสิ่งแวดล้อมเป็นประจำทุกปี ซึ่งในแต่ละปีกทม.ได้ใช้งบประมาณในการจัดการขยะจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นงบประมาณเกี่ยวกับค่าครุภัณฑ์ เครื่องจักรกล บุคลากร น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าบริหารจัดการ
สำหรับการเก็บขยะมูลฝอยจากอาคารบ้านเรือนและขนส่งไปยังศูนย์กำจัดมูลฝอย อีกส่วนหนึ่งเป็นงบประมาณสำหรับการจ้างเอกชนกำจัดมูลฝอย ประกอบด้วย วิธีการขนย้ายขยะไปฝังกลบในพื้นที่ของผู้รับจ้างเอง รวมถึงการกำจัดในพื้นที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยของกรุงเทพมหานคร เช่น การเผาผลิตไฟฟ้า การหมักปุ๋ยอินทรีย์ และโรงงานกำจัดแบบผสมผสานชีวภาพเชิงกล (MBT)
ขณะเดียวกันยังได้ให้ความสำคัญกับการลดปริมาณขยะมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และโฟมบรรจุอาหาร มีการคัดแยกขยะนำมาใช้ประโยชน์ที่ต้นทาง โดยร่วมกับภาคเอกชนหลายกลุ่มพัฒนาต้นแบบการจัดการขยะแยกประเภทในอาคารประเภทต่าง ๆ
เช่น อาคารชุด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ชุมชน รวมถึงการจัดการขยะในการจัดงานต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาแอปพลิเคชันรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและเศษอาหาร เพื่อให้ประชาชนผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้มีการแยกขยะที่ต้นทางได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการกำจัดมูลฝอย กทม.ได้นำเทคโนโลยีการกำจัดมูลฝอยที่ทันสมัย และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มาใช้ในการบริหารจัดการขยะโดยมีเป้าหมายเพิ่มเทคโนโลยีการเผาผลิตไฟฟ้าอีก 3,000 ตันต่อวัน จากที่มีอยู่ 500 ตันต่อวัน ในพื้นที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช สายไหม และหนองแขม แห่งละ 1,000 ตันต่อวัน เพิ่มระบบการกำจัดขยะแบบผสมผสาน ซึ่งใช้หลายระบบในโรงงาน
ประกอบด้วย ระบบแยกขยะทั้งรีไซเคิล เศษอาหารเพื่อเข้ากระบวนการหมัก และขยะเชื้อเพลิงอีก 2,300 ตันต่อวัน จากที่มีอยู่ 2,400 ตันต่อวัน ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้ตามแผนงาน ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้าจะมีระบบการกำจัดขยะที่ทันสมัย เพิ่มขึ้นรวมกว่า 8,200 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ยังได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และส่งเสริมการสร้างวินัย “แยกก่อนทิ้ง” ตาม หลักการ 3 ช (ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่) ให้กับประชาชน โดยส่งเสริมให้ครัวเรือนลดและคัดแยกขยะที่แหล่งกำเนิด ได้แก่ ขยะรีไซเคิลแยกขายหรือบริจาค ขยะเศษอาหาร แยกหมักทำปุ๋ยหรือนำไปเลี้ยงสัตว์
ส่วนขยะทั่วไปและขยะอันตราย แยกให้กทม.เก็บขนและนำไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป รวมถึงได้ดำเนินการสร้างวินัยและสร้างจิตสำนึกการลดและคัดแยกขยะให้กับนักเรียนในร.ร.สังกัดกทม.ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และจัดถังรองรับมูลฝอยแยกประเภทในโรงเรียน และดำเนินการโรงเรียน