ในปัจจุบันเราได้เรียนรู้ และทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้ากันมากขึ้นพอสมควร ทำให้เราเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วสาเหตุ หรืออาการของคนรอบข้างเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เราอาจไม่เคยรู้ ไม่เคยสังเกต คิดว่าเขาแค่มีอารมณ์เศร้าเฉย ๆ
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรา หรือคนรอบข้างของเรา แค่มีอารมณ์เศร้าชั่วคราว หรือเสี่ยงโรคซึมเศร้า เรามีข้อมูลจาก อ. นพ. ชาวิท ตันวีระชัยสกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาฝากกัน
แค่ “เศร้า” VS “ซึมเศร้า” แตกต่างกันอย่างไร ?
เราสามารถแยกอาการของคนที่มีอาการเศร้า กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้ด้วยการสังเกตอาการความเศร้าปกติ กับโรคซึมเศร้า ด้วยการแยกความแตกต่างของอาการได้ ดังนี้
อารมณ์เศร้าปกติ
ความรุนแรง
ความเศร้าไม่รุนแรง มีอาการร่วมเพียงไม่กี่อย่าง และเป็นเพียงเล็กน้อย เช่น
- นอนหลับยาก
- เสียสมาธิเล็กน้อย
- ไม่อยากอาหาร แต่น้ำหนักไม่ลด
ระยะเวลา
มักเป็นอยู่ไม่นาน หรือมีช่วงที่เศร้ามาก ๆ ไม่กี่วัน
การทำกิจกรรมที่สำคัญ
ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติดีพอสมควร แม้คุณภาพจะลดลงไปบ้าง เช่น ไปทำงานได้ รวมถึงการดูแลตัวเอง เช่น อาบน้ำ กินข้าวได้ตามปกติ
โรคซึมเศร้า
ความรุนแรง
ความเศร้ามักอยู่ด้วยเกือบตลอดเวลา เกือบทุกวัน มีอาการร่วมด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น
- น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ
- นอนไม่หลับ
- ไม่มีสมาธิ ตัดสินใจไม่ได้
- รู้สึกผิดมากเกินควร
- มีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากฆ่าตัวตาย
ระยะเวลา
มักมีอาการเศร้าต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ (อย่างน้อย 2 สัปดาห์)
การทำกิจกรรมที่สำคัญ
ความเศร้าทำให้มีปัญหากับการเรียน การทำงาน หรือการดูแลตัวเอง
หากมีอาการเข้าได้กับโรคซึมเศร้า หรือเศร้าปกติแต่เป็นอยู่นานเกิน 2-3 เดือน ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อปรึกษา หาทางแก้ไข และหากมีความคิดอยากฆ่าตัวตายแม้ในช่วงเวลาไม่กี่วัน ควรไปพบแพทย์ทันที