จับตาท่าที 2 ลุง! สมชัย เผยมีสัญญาณตีตก กม.ลูก ชี้โอกาสเพื่อไทยแลนด์สไลด์สูง

Home » จับตาท่าที 2 ลุง! สมชัย เผยมีสัญญาณตีตก กม.ลูก ชี้โอกาสเพื่อไทยแลนด์สไลด์สูง


จับตาท่าที 2 ลุง! สมชัย เผยมีสัญญาณตีตก กม.ลูก ชี้โอกาสเพื่อไทยแลนด์สไลด์สูง

สมชัย ฟันธงแก้กติกาเลือกตั้ง เอื้อพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ส่วนพรรคเล็กต้องหาทางรอด เผยมีสัญญาณตีตกร่างกม.ลูก แนะให้จับตาท่าที ‘2 ลุง’เอาไง

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ล่าสุด กรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาเนื้อหาเสร็จและเตรียมส่งให้ประธานรัฐสภาในสัปดาห์หน้าว่า จากการแก้ไขกติกาเลือกตั้ง ทั้งบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การนับคะแนนแบบคู่ขนาน และใช้สูตรคำนวณเพื่อหาส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้ 100 คนหารนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือ การเอื้อประโยชน์ต่อพรรคใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทย

ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะยังเป็นพรรคขนาดใหญ่หรือไม่ ขอตั้งเป็นคำถาม ส่วนพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคก้าวไกล ถือเป็นพรรคขนาดกลาง ซึ่งกลุ่มขนาดกลางและกลุ่มขนาดเล็ก เสียเปรียบภายใต้กติกาดังกล่าว

“การแก้ไขกติกาเลือกตั้ง ไม่ได้ทำให้เกิดความยุติธรรมกับทุกพรรค แต่เป็นการสร้างทางเลือกให้พรรคใหญ่เข้มแข็ง และในสภาฯจะมีพรรคใหญ่ไม่กี่พรรค อีกทั้งภายใต้กติกาดังกล่าวจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียง ได้ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อมากตามไปด้วย คาดว่าโอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ เป็นพรรคเดียวที่ได้ส.ส.เกินครึ่งของสภาฯ เกิดขึ้นได้” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า แนวโน้มอนาคตการเมือง อาจมีพรรคการเมืองเป็นระบบ 2 พรรคใหญ่ที่มีแนวความคิดต่างกัน เหมือนสหรัฐอเมริกาที่มี 2 พรรคใหญ่ ผลัดกันเป็นรัฐบาล ส่วนพรรคอื่นต้องล้มหายตายจากไป

เมื่อถามถึงภาพการเมืองไทยหลังจากมีกติกาเลือกตั้งแบบใหม่ นายสมชัย กล่าวว่า ภาพในระยะสั้น ยังต้องจับตาการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวาระ 2-3 โดยเฉพาะสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่หารด้วย 100 ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากส.ว. และเชื่อว่ามีส่วนสำคัญต่อการลงมติ อาจเป็นไปได้ว่าจะตีตกร่างกฎหมายทั้งในมาตราที่เกี่ยวข้องหรือทั้งฉบับ

คะแนนลงมติที่ตัดสินว่าจะผ่านวาระ 2-3 ใช้เสียงข้างมากของที่ประชุม สำหรับเสียง ส.ว. รวมกันคือ 1 ใน 3 ของสภา และในขั้นการโหวตของกมธ. ที่ส.ว.เสียงแตก ได้มีการคุยกันว่าเพราะลุง 2 คนส่งสัญญาณไม่ชัดเจน ไม่คุยกันให้ดี ทำให้ พรรคพลังประชารัฐ หนุน 100 คนหาร แต่ส.ว. ไม่สนับสนุน ดังนั้น ในอนาคตต้องดูว่า 2 ลุง จะคุยกันหรือไม่ หรือส่งสัญญาณที่ชัดเจนอย่างใดหรือไม่” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนระยะยาวหากเปลี่ยนแปลงกติกา สิ่งที่จะเกิดกับการเลือกตั้งทั่วไป พรรคที่ตั้งใหม่ และพรรคเล็ก ต้องหาทางให้ตนเองอยู่รอด เช่น รวมกับพรรคใหญ่เพราะเชื่อว่าพรรคตั้งใหม่ หรือขนาดเล็กจะได้คะแนนเลือกตั้งไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้ส.ส.เข้าสภา ซึ่งมีการประเมินว่าต้องได้ 3.5-3.7 แสนคะแนน

ขณะที่พรรคที่ไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่ ในการหาเสียง ต้องสร้างการยอมรับของประชาชนในวงกว้างให้คะแนนนิยมของพรรคมีส่วนทำให้มาช่วยได้รับการเลือกตั้งเขต และได้บัญชีรายชื่อที่มากขึ้น แต่เหนื่อยมากกว่าเดิม เพราะพรรคใหญ่ได้เปรียบ ทั้งผู้สมัคร ส.ส. แถวหน้าของจังหวัดจะไหลเข้าพรรค รวมถึงทุน ที่คาดการณ์ว่าพรรคใหญ่ได้เป็นรัฐบาลในอนาคต ดังนั้น พรรคใหญ่จึงได้เปรียบทั้งในเชิงกติกา และคัดหาผู้สมัครและทุนจากฝ่ายนักธุรกิจ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ