ผู้เสียหายลั่นไม่ให้อภัย ท้าดูวงจรปิด-ควรรับโทษ ฟอร์ดหัวร้อนโต้ แค่ยิงขึ้นฟ้าขู่รถคู่กรณี อ้างรู้สึกโกรธที่โดนพูดจาดูถูก จึงบันดาลโทสะเอาปืนขึ้นมา
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 พ.ค.65 ที่สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายประยูร แซ่เฮ้ง อายุ 55 ปี เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังขับรถมาพร้อมครอบครัว แต่เจอรถฟอร์ดสีแดงขับมาเบียดแล้วโวยวาย ก่อนคนขับชักปืนยิงใส่แล้วขับหนีไป
นายประยูร กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 09.30 ขณะกำลังขับรถไปทำบุญที่วัดรางหมัน จ.นครปฐม โดยใช้ถนนเส้นบรมราชชนนี มุ่งหน้าไปยังกำแพงแสน ระหว่างทางขับมาถึงใกล้ทางออกคู่ขนาน ช่วงวิทยาลัยราชสุดา รถของตนขับอยู่เลนซ้าย ส่วนคู่กรณีขับอยู่เลนกลาง จู่ๆ รถของคู่กรณีทำท่าจะเบียดเข้ามา เพื่อเบี่ยงออกไปยังถนนคู่ขนานด้านนอก คู่กรณีน่าจะไม่พอใจ จึงขับรถเบี่ยงออกไปยังคู่ขนานแล้วบีบแตรใส่รถตน แล้วเขาก็โวยวาย แต่ตนไม่ได้สนใจ
นายประยูร กล่าวว่า เมื่อขับไปเรื่อยๆ หันไปดูอีกที เห็นรถคู่กรณีขับรถมาเทียบข้างและบีบแตร ก่อนเปิดกระจกฝั่งคนขับก่อนจะโวยวาย ทำให้เห็นว่าภายในรถมีผู้ชายนั่งอยู่ 2 คน ตนจึงเปิดกระจกฝั่งคนนั่ง ก็เห็นว่าคนขับและคนที่นั่งข้างควักปืนออกมา โดยคนขับได้เบี่ยงตัวหลบ จากนั้นคนที่นั่งข้างคนขับเป็นคนยิง เล็งมาที่ตน ปืนเสียงดังมาก และมีควันออกจากปากกระบอกด้วย เคราะห์ดีที่ตนมีสติ ประคองรถได้ ถ้าหากตนบังคับรถไม่อยู่อาจเกิดอุบัติเหตุ และสูญเสียไปมากกว่านี้
นายประยูร กล่าวว่า ตนชะลอรถเห็นว่าไม่มีใครในรถได้รับบาดเจ็บและรถไม่เสียหายอะไร จึงพยายามขับตามไปโดยรักษาระยะห่าง เพื่อบันทึกคลิปไว้เป็นหลักฐาน จนขับตามมาถึงพุทธมณฑลสาย 5 รถคู่กรณีได้จอดอยู่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตนจึงรีบขับหนีไป เพราะกลัวว่ารถคู่กรณีจะขับตามมาแล้วจะไม่ได้รับความปลอดภัย จากนั้นไปทำบุญเสร็จแล้วกลับมาแจ้งความที่สภ.พุทธมณฑล
นายประยูร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์คู่กรณีเดินทางมาพบตำรวจ พร้อมอ้างว่ารู้สึกโกรธที่ตนไปพูดจาดูถูก จึงบันดาลโทสะ เอาปืนขึ้นมา แต่เป็นการยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่ได้เล็งมาที่ตนนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้มีการพูดคุยกับคู่กรณี และไม่ได้มีเรื่องกันมาก่อน ที่สำคัญองศาการเล็งปืนก็ตั้งใจมาเล็งมาที่ตน โดยคนขับเอี้ยวตัวให้ คู่กรณีจะให้การยังไงก็ได้ จึงฝากตำรวจให้ความเป็นธรรมด้วย
นายประยูร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และไม่ใช่ว่าใครจะพกปืนมาทำแบบนี้แล้วยิงปืนได้ ต่อให้มีเรื่องทะเลาะกันหรือปัญหาบนท้องถนน มันคือเรื่องธรรมดา แต่การชักอาวุธปืนออกมา ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาหรือ หากอีกฝ่ายใจร้อนเหมือนกัน แล้วชักอาวุธปืนยิงกลับ จะเกิดความสูญเสียขนาดไหนอยากฝากบอกคู่กรณีให้ใจเย็น ๆ
ด้านน.ส.เอ ลูกสาว กล่าวว่า ตอนที่เกิดเหตุรู้สึกโกรธมากและหัวร้อนมาก สติไม่อยู่กับตัว ตอนนั้นอยากจะได้ทะเบียนรถ เพื่อเอามาแจ้งความ เพราะมองว่าถ้าหากไม่มีหลักฐานจะไปแจ้งความยาก กว่าจะสืบค้นเจอ หลังจากได้ยินคำสัมภาษณ์ของคู่กรณี มองว่าเขาจะพูดยังไงก็ได้ ถ้าหากตำรวจเห็นกล้องวงจรปิดช่วงเกิดเหตุ จะรู้ว่าความจริงคืออะไร หากเขาตั้งใจยิงปืนขึ้นฟ้าจริง ต้องยื่นมือออกจากรถ ซึ่งในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น ไม่ได้เป็นแบบนั้น ตัวของพ่อเขา เป็นคนลดกระจกให้ยิง ก็แปลว่าสมรู้ร่วมคิดให้ลูกทำแบบนั้น
ถ้าได้มีโอกาสได้เจอกัน ตนก็อยากจะถามไปว่าเรื่องมันเล็กมาก ทำไมถึงจะต้องทำแบบนี้ เพราะเราไม่ได้ทะเลาะหรือเถียงกันเลย หากเขามาขอโทษ ส่วนตัวแล้ว ตนไม่ให้อภัย เขาควรได้รับโทษตามสิ่งที่เขาทำ