หัวหน้าวงและนักดนตรี โร่แจ้ง ตร.โดนวัยรุ่นปาขวดใส่ในงานแห่นาค ผวาไม่กล้ารับงานในตำบลดังกล่าวอีกกลัวไม่ปลอดภัย อีกฝ่ายโต้น้องเมาจริง แต่ก็เจ็บเหมือนกัน

วันที่ 17 พ.ค. 65 นายฉัด ชะมาประโคน อายุ 43 ปี หัวหน้าวงดนตรี “ซอพญานาค” พร้อมกับลูกวงและนักดนตรี เดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.สำรวย อบกลาง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่าขณะพาลูกวงไปรับงานเล่นดนตรีในงานแห่นาค ที่บ้านประดาจะบก ต.เจริญสุข เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ถูกชายเมาที่มาร่วมงาน เข้ามาชกต่อยบริเวณกกหูของหัวหน้าวงขณะนั่งกินข้าวที่บ้านเจ้าภาพ และวัยรุ่นหลายคนได้ใช้ขวดแก้วขว้างปาใส่ลูกวงขณะเก็บเครื่องเสียงจะขึ้นรถ ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุยังโพสต์คลิปท้าทาย

นายฉัด กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมลูกวงได้ว่าจ้างให้มาเล่นดนตรีงานแห่นาคที่บ้านประดาจะบก ก็มาเล่นตามปกติช่วงที่แห่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร กระทั่งแห่มาถึงบ้านนาคทางเจ้าภาพก็เรียกพวกตนไปกินข้าวภายในงาน จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งซึ่งท่าทางคล้ายคนเมาเดินเข้ามาถามตนว่า จะเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย ตนก็ตอบกลับไปว่าขอน้ำอัดลม 1 ขวด จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เข้ามาชกที่กกหูข้างซ้ายของตนเอง 2 หมัด ก็ตกใจมากแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรก็มีคนมาดึงชายคนดังกล่าวออกไป

ต่อมาลูกวงกำลังเก็บข้าวของขึ้นรถ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4 – 5 คน ถือขวดแก้วเข้ามาขว้างปาใส่ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งตนและลูกวง ก็ตกใจและหวาดกลัว คงจะไม่กล้ารับงานที่ตำบลนี้อีก เพราะขนาดไม่ได้มีเรื่องอะไรยังถูกทำร้าย คิดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความมึนเมา ก็อยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นด้วยว่าให้เห็นใจนักดนตรีด้วย เพราะตั้งแต่เจอพิษโควิดก็ไม่ได้รับงานเลยต่างก็เดือดร้อน พอภาครัฐเริ่มผ่อนคลายและเริ่มจะมีคนจ้างงานกลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

ด้าน นายสาธิต พรามกระโทก อายุ 40 ปี พี่ชายของคนที่เมาไปต่อยหัวหน้าวงดนตรี กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่าน้องชายเมาจริงเพราะเป็นงานบวช ก็มีดื่มสังสรรค์กันบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่จากที่วัยรุ่นในหมู่บ้านมาเล่าให้ฟัง บอกว่าเห็นกลุ่มนักดนตรีรุมทำร้ายน้องชายของตน ทำให้วัยรุ่นในหมู่บ้านไม่พอใจ จึงใช้ขวดขว้างปาใส่กลุ่มนักดนตรี แล้วที่ว่าสะเก็ดขวดโดนนักดนตรี

อยากถามว่ามีใครบาดเจ็บบ้าง แต่กลับไปโพสต์ กล่าวหาว่ากลุ่มพวกตนแบบเสียหาย พูดเอาดีแต่ฝ่ายเดียวถึงขั้นบอกว่าวัยรุ่นบ้านเจ้าภาพปิดบ้านทำร้ายมันก็ดูรุนแรงเกินไป ทั้งที่น้องชายของตนถูกรุมทำร้ายจนศีรษะแตก แต่ฝ่ายตนก็ยังไม่เห็นได้ไปแจ้งความเลย อยากให้พูดความจริงบ้างอย่าพูดเอาดีแต่ตัวเองเพราะน้องชายตนเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง แต่หากไม่สามารถพูดคุยกันได้ก็ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป