800 น้อยไป ชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้า ประสานเสียง คนละครึ่ง ควรเพิ่มเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ให้สอดคล้องยุควิกฤตของแพง
ปชช.ชาวบุรีรัมย์ วอนรัฐบาลเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเฟส 5 จากคนละ 800 บาทเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับ ปชช.อย่างแท้จริง ให้สอดคล้องกับยุควิกฤตของแพง และอยากให้มีโครงการต่อไปเรื่อยๆ แม่ค้าดีใจเพราะจะช่วยทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น
วันที่ 29 ก.ค.65 หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ (คนละครึ่ง เฟส 5) วงเงินคนละ 800 บาท โดยผู้มีสิทธิรายเดิม สามารถยืนยันสิทธิ ได้ในวันที่ 19 ส.ค. และรายใหม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 19 ส.ค.เช่นกัน
จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าในแอพเป๋าตังค์ เริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 14 ก.ย.2565 ซึ่งจากการสำรวจความเห็นทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ต่างเห็นตรงกันว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินคนละ 800 บาทนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะราคาข้าวของที่แพงขึ้นในปัจจุบัน จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินคนละครึ่งจาก 800 บาท เป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้
นายกรรณฑิพัฒน์ ศักดิ์ธิสกุล และ น.ส.ณประภัส แก้วประจุ ประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่ง บอกตรงกันว่า โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ แต่เฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินแค่คนละ 800 บาท ถือว่าน้อยเกินไปไม่สอดคล้องกับภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นเกือบทุกอย่าง จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 1,500 บาทถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนให้เข้ากับยุควิกฤตข้าวของราคาแพง และอยากให้รัฐมีโครงการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ด้าน น.ส.อาริสา มะพารัมย์ แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ดีใจที่รัฐมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะจะทำให้สามารถขายของได้กระเตื้องขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวของปรับขึ้นราคาเกือบทุกอย่าง ยอดขายก็ลดลงเกือบเท่าตัวเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ
แต่หากมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ออกมา เชื่อว่าจะทำให้ยอดการค้าขายเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐเพิ่มวงเงินจากคนละ 800 บาท เป็นคนละ 1,500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายที่กระเตื้องขึ้นจากเดิมด้วยเช่นกัน