5 องค์กรชั้นนำของไทย ร่วมเสวนาสร้างองค์กรให้เป็นที่ทำงานเพื่อความหลากหลาย

Home » 5 องค์กรชั้นนำของไทย ร่วมเสวนาสร้างองค์กรให้เป็นที่ทำงานเพื่อความหลากหลาย

เนื่องในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) ปี 2023 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด, บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด, วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลพญาไท 2 ร่วมจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ “การยอมรับในความแตกต่างและการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน (Diversity & Inclusion in the workplace)” ณ วิคเตอร์คลับ สาทร สแควร์ วันที่ 27 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา 

ความหลากหลาย (Diversity) และการมีส่วนร่วม (Inclusion) เป็นสองแนวคิดที่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งความหลากหลายที่พูดถึงกันอยู่ในปัจจุบันนี้ สื่อได้ถึงอัตลักษณ์ของบุคคล ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรืออายุ ขณะที่การมีส่วนร่วม คือการสะท้อนว่าสังคมสามารถเปิดรับมุมมอง การแสดงตนของบุคคลที่มีความแตกต่างกันได้ พร้อมกับให้โอกาสการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องความแตกต่างหลากหลายและการมีส่วนร่วมในสังคมการทำงาน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและควรได้รับการผลักดันจากทุกภาคส่วนในองค์กรการทำงาน เพื่อส่งเสริมให้องค์กรสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จ 

อนาวิล โชคอมรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ชี้ว่า แอสตร้าเซนเนก้าเป็นองค์กรที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน และเคารพในอัตลักษณ์ของพนักงานแต่ละคนเสมอมา โดยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความเสมอภาค เพื่อสร้างสภาพแวกล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานอยากมาทำงาน และรู้สึกปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยยกตัวอย่างการจัดตั้งกลุ่ม AZ Pride ที่เป็นเครือข่ายของพนักงานทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้พนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ได้มีส่วนร่วมและแสดงศักยภาพในด้านการทำงาน นอกจากนี้ แอสตร้าเซนเนก้ายังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ช่วยสนับสนุนการยอมรับและการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ และเปิดมุมมองให้กับพนักงานมากขึ้น 

ด้านสุทธกานต์ ช้างน้อย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสรรหาและพัฒนาศักยภาพบุคลากร ททรัพยากรบุคคล สำนักงานกลาง บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า บริดจสโตนในฐานะผู้ผลิตยางระดับโลก ดำเนินงานโดยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และเคารพสิทธิมนุษยชน โดยในด้านทรัพยากรนั้น ทางองค์กรได้เปิดโอากสให้ผู้มีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้อย่างเท่าเทียม ควบคู่กับการวางแผนพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีความสุขกับการทำงาน และมุ่งสู่การเป็น One Team, One Bridgestone ที่พร้อมส่งมอบคุณค่าแก่สังคม ลูกค้า และพันธมิตร 

เช่นเดียวกับอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและการสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระบุว่า ลอรีอัลมีเป้าหมายหลักใน “การสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก​ (Create the beauty that moves the world)” ผ่านการสร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมบิวตี้เทค (Beauty Tech) ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความงามสำหรับทุกคนและความงามเฉพาะแต่ละคน โดยจะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องเริ่มจากความหลากหลายของคนในองค์กร ลอรีอัลจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความหลากหลาย ไม่แบ่งแยก  และความเสมอภาคขององค์กร เพื่อดูแลพนักงานทุกกลุ่ม โดยปรับเปลี่ยนสวัสดิการที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้เท่าเทียมกัน เช่น การให้วันลา Flex Leave เพิ่มเติม 15 วันจากวันหยุดพักร้อนปกติ 12 วัน เพื่อให้ทุกคนนำไปใช้ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง

“คนรุ่นใหม่มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองและสังคม รวมถึงสนใจศึกษาด้านหลักการมนุษยชนมากขึ้น ดังนั้น องค์กรทั้งหลายที่กำลังมองหาบุคลากรที่มีศักยภาพ จึงต้องมีความชัดเจนในด้านนโยบาย ซึ่งหากพูดถึงนโยบายด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม คนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญและวัดระดับความใส่ใจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยที่ตัวเองได้พบเจอ ทั้งนี้ หากองค์กรใดสนับสนุนนโยบายด้านนี้ ก็จะสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ให้กับพนักงานได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ โดยปราศจากความกังวล” ภัททกา เสงี่ยมเนตร อาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชาทั่วไป หมวดสังคมศาสตร์ และการฝึกงาน วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว 

ส่วนสุภาพร บัญชาจารุรัตน์ ผู้อำนวยการสายทรัพยากรบุคคล เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล แสดงความคิดเห็นว่า ความหลากหลายได้รับการยอมรับและมีการเปิดกว้างทางความคิดของบุคคลในปัจจุบัน ทำให้คนมีอิสระในการใช้ชีวิต ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล จึงเปิดรับ เปิดใจ และเปิดกว้าง เพราะเชื่อว่า “ทุกคนต้องได้โอกาส” โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมของตำแหน่งงานที่สมัครมากที่สุด 

“ไม่ว่าเพศไหนก็ควรได้รับโอกาสและการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสุขในการทำงาน และทำให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพ” สุภาพรกล่าว 

การเปิดรับความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน ไม่ได้เป็นเพียงนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้องค์กรสามารถดึงดูดและปลดล็อกศักยภาพของพนักงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ดังนั้น องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเคารพ และส่งเสริมความแตกต่าง พร้อมกับสร้างโอกาสที่เท่าเทียม เพื่อเป็นการปูทางสู่อนาคตที่ทุกคนสามารถเติบโตและมีส่วนร่วมกับองค์กรได้อย่างเต็มความสามารถ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ