ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา เราถูกบังคับให้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหลายอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกกิจกรรม ต้องทำจาก “ที่บ้าน” ซึ่ง 18 เดือนนี้ก็นานพอที่จะทำให้เราคุ้นเคยกับการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างที่บ้านไปแล้ว นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ อะไรที่เรายังสามารถทำที่บ้านได้ มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรายังคงทำต่อไปได้โดยไม่ต้องออกไปทำนอกบ้าน ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและอารมณ์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี
แม้ว่าในอนาคตอันใกล้ พวกสถานที่ออกกำลังกายนอกบ้าน หรือร้านสปา จะกลับมาเปิดบริการให้อีกครั้ง แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราก็สามารถดูแลสุขภาพของตนเองด้วยตนเองจากที่บ้านได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น เทรนด์การดูแลสุขภาพที่บ้านก็ยังคงอยู่และยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ทำจนกลายเป็นกิจวัตรที่ทำได้เองจากที่บ้าน ตั้งแต่การออกกำลังกายไปจนถึงการเลือกกินอาหาร และการสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี
การดูแลสุขภาพจากที่บ้าน เราสามารถจัดการได้ด้วย 4 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้
- ปรับแผนการรับประทานอาหารและโภชนาการ
ช่วงเวลาที่เราอยู่กับโรคระบาดครั้งใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนปรับเปลี่ยนแผนการรับประทานอาหารและโภชนาการ ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นไปในทางบวกทั้งหมด เพราะหลายคนต้องอยู่แต่บ้าน หลายคนตกงาน หลายคนรายได้ลดลง ทำให้การกินอาหารไม่สมดุล กินเท่าที่จะหาได้ กินเท่าที่มีให้กิน รวมถึงการกินแบบตามใจปาก กินเสร็จแล้วก็นั่งๆ นอนๆ ซึ่งล้วนแต่ไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว หลังจากนี้เราจึงต้องปรับนิสัยการกิน คำนึงถึงประโยชน์ คุณค่าทางอาหาร และให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างความงาม สุขภาพ การออกกำลังกาย และการกินอาหาร
สิ่งสำคัญที่สุดในการปรับแผนการกินอาหาร คือ “ลำไส้” เพราะลำไส้ถือเป็นศูนย์กลางของสุขภาพร่างกายโดยรวม อาหารที่เรากิน หรือวิธีที่เรากินอาหาร จะส่งผลอย่างมากต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังงาน ผิวพรรณ สุขภาพ หากลำไส้ทำงานมีปัญหาอันเนื่องมาจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปในทางลบ ย่อมส่งผลต่อการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกาย
ฉะนั้น การหันมาให้ความสำคัญกับการกินพืชให้มากขึ้น จะช่วยให้ลำไส้ของเราทำงานได้อย่างปกติ พืช มีใยอาหารที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย รวมถึงประโยชน์จากวิตามินและแร่ธาตุจากพืชก็มีผลต่อการทำงานของร่างกายเช่นกัน โปรแกรมการปรับการกินอาหาร คือ การกินผักให้เพียงพอตามหลักโภชนาการในแต่ละมื้อ เน้นอาหารออร์แกนิก เพื่อให้ได้รับสารอาหารจากพืชให้เพียงพอ ไร้สารพิษ นี่เป็นแผนที่ควรกำหนดสำหรับการดูแลสุขภาพเรื่องการกินอาหาร
- การออกกำลังกายที่บ้าน
การออกกำลังกายที่บ้านไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การที่เราต้องกักตัวอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน การที่สถานที่ออกกำลังกายนอกบ้านปิดให้บริการ ทำให้รูปแบบการออกกำลังกายที่บ้านชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลอด 18 เดือน นานพอที่จะทำให้เราปรับตัวได้ และคุ้นชินกับการออกกำลังกายในบ้านไปแล้ว ที่สำคัญคือ เราไม่รู้ว่าจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ในอนาคต การออกกำลังกายนอกบ้านจึงน่าจะไม่จำเป็นสำหรับใครหลายๆ คนอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาสามารถออกกำลังกายที่บ้านได้ปกติ ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน
ช่วงที่เราต้องอยู่กับภาวะโรคระบาด จะเห็นได้ว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าที่เคย มีตัวเลขรายงานว่า ผู้คนที่ขาดการออกกำลังกายในช่วงโควิด-19 กว่า 45 เปอร์เซ็นต์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์มีความเครียดมากขึ้น และ 37 เปอร์เซ็นต์ พบว่ามีอาการซึมเศร้า
ดังนั้น หลังจากนี้ แม้สถานการณ์จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายก็ยังเป็นนิสัยที่ดีที่ควรปฏิบัติต่อไป อย่างไรก็ดี เรายังมีทางเลือกว่าจะออกกำลังกายที่บ้านหรือนอกบ้านก็ได้ หรือจะทำควบคู่กันก็ได้เช่นกัน เราสามารถมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงได้โดยไม่ต้องไปฟิตเนส เพียงแต่ต้องหาวิธีออกกำลังกายที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เทรนด์การออกกำลังกายที่บ้านจึงมาแรงในช่วงโรคระบาด และมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติกันต่อไป
- อย่าละเลยความสวยความงาม การทำทรีตเมนต์ สปา และการดูแลตัวเอง
การทำทรีตเมนต์ ทำสปาไม่ได้แปลว่าเราต้องเสียเงินแพงๆ เพื่อซื้อคอร์สจากร้านสปา เพราะการทำสปานั้นเราสามารถทำเองที่บ้านได้ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย หลายคนมองว่าการทำสปาเป็นเรื่องสิ้นเปลือง แต่จริงๆ แล้ว มันช่วยบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ดีมากจริงๆ การลงทุนเพื่อดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองหรือเสียหาย หากรู้สึกว่าตัวเองมาถึงจุดที่ต้องการการบำบัด ผ่อนคลาย ควรหาโอกาสทำสปาด้วยตนเองที่บ้าน
มีสมุนไพรนานาชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์หรือทำสปาต่างๆ ที่ราคาไม่แพง ที่เราสามารถนำมาใช้ในการทำสปาด้วยตนเองได้ โดยอาจให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม เพื่อยกระดับการทำสปาด้วยตัวเองให้ดูหรูหราขึ้นในรูปแบบของตัวเราเอง หลังทำสปา เราจะรู้สึกสดชื่น เหมือนได้เติมพลัง โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านและไม่ต้องเสียเงินราคาแพงเกินความจำเป็น
- การทำสมาธิเพื่อสุขภาพจิตที่ดี
เป็นเวลากว่า 18 เดือนที่ความวิตกกังวลเรื่องโรคระบาดยังคงคุกคามชีวิตอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกว่าตัวเองปล่อยวางได้หรือปลงกับเรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อได้อัปเดตข่าวสารต่างๆ ที่ไม่ใช่เรื่องดี ลึกๆ ก็ยังรู้สึกเครียดและกังวลอยู่ดี ดังนั้น เราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตให้มากขึ้น โดยการหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น ฝึกโยคะ ทำสมาธิ หรือควบคุมการหายใจ ไม่ว่าจะแค่ 5 นาที หรือนาน 1 ชั่วโมงก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรปฏิบัติ หาเวลาและหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับตัวเองในการฝึกจิต ทำสมาธิ และคลายเครียดในทุกวัน