3ผู้เสียหายจี้คดีไม่คืบ หลังถูกโกงสลากสูญ56ล้าน แฉพ.ต.อ.หายเงียบพร้อมเงิน100ล้าน ขณะที่ทางตำรวจโอนเรื่องดีเอสไอ ดำเนินการแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 พ.ย.2564 ที่สภ.เมืองตราด นายธงชัย จิตสังวร อายุ 47 ปี พร้อมเพื่อนอีก 2 คน ทั้งหมดเป็นผู้เสียหายจากการลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เดินทางมาพร้อมหลักฐาน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากที่เคยมาแจ้งความร้องทุกข์แล้วคดีไม่คืบหน้า โดยมี พ.ต.ท.บันฑิต เตชะวงศ์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตราด มารับเรื่อง
นายธงชัย กล่าวว่า นายนันทณัฐ หรือเอ็ม (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ชักชวนให้ลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 2 งวด แล้วไม่ได้สลากกินแบ่งมาในงวดวันที่ 16 พฤษภาคม และ 1 มิถุนายน 2564 งวดละ 28 ล้านบาท รวมประมาณ 56 ล้านบาท ซึ่งตนเองและเพื่อนๆในกลุ่ม 5-6 คน ลงทุนซื้อสลากกินแบ่ง 5 งวด แต่ได้มา 3 งวด อีก 2 งวดไม่ได้เลย แม้จะได้ติดตามทวงถามนายนันทณัฐไปแล้ว แต่ก็ได้รับแจ้งว่าจะนำมาคืนให้ แต่สุดท้ายก็เงียบไป
เมื่อไปติดตามคดีที่ดีเอสไอส และกองปราบปราม กลับถูกให้ไปเป็นพยานในคดีของ”เจ หรือ จิตราโยธาภิรมย์“ที่เป็นเจ้าของรายใหญ่ในจังหวัดตราด การมา สภ.เมืองตราดครั้งนี้ ก็เพื่อให้ทางตำรวจดำเนินคดีกับนายนันทณัฐ และแม่ของนายนันทณัฐ รวมทั้งนายป๊อกด้วย เพราะที่ผ่านมาก็ได้เคยรับปากไว้ แต่ก็เงียบหายไป
ต่อมา พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองตราด หลังประชุมเสร็จ จึงเดินทางมาพบนายธงชัย พร้อมชี้แจงว่า ทางตำรวจสภ.เมืองตราดได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว และได้โอนคดีไปยังดีเอสไอให้ดำเนินการต่อ และหากผู้เสียหายต้องการจะดำเนินคดี ก็สามารถฟ้องเองได้ที่ศาลจังหวัดตราด
หลังได้พูดคุยกับเจ้าห้นาที่ นายธงชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ ตนตัดสินใจตั้งทนายความฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดตราดเอง ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนกว่า 96 คนมาแจ้งความดำเนินคดีกับนางจิตรา โยธาภิรมย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค. 2564 หลังไม่รับสลากจากนางจิตรา และกลุ่มผู้ลงทุนที่มีการตั้งเป็นกลุ่มๆจำนวนนับสิบกลุ่ม และนำเงินมาลงทุนรวมแต่ละงวดมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
ซึ่งต่อมานางจิตรา เข้ามามอบตัว 10 พ.ค. 2564 และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำจ.ตราด โดยศาลยังไม่ให้ประกันตัว ทและยังมีกลุ่มที่ถูกศาลจังหวัดตราดออกหมายเรียก เช่น พ.ต.อ. รายหนึ่ง เป็น อดีตรองผู้บังคับการ และพวก ที่กลุ่มผู้เสียหายได้จ้างทนายในจังหวัดตราดฟ้องร้องหลายคดี โดยปัจจุบันยังไม่ได้เข้ามารายงานตัว และหายเงียบไปพร้อมเงินที่ไม่ได้จ่ายให้ผู้เสียหายอีกนับร้อยล้านบาท