สาวโมโห อยู่บ้านเช่าเดือนเดียว ผมร่วง-ปวดหัวหนัก ตรวจเจอสาร “ฟอร์มาลดีไฮด์” เกินมาตรฐาน 4 เท่า บอกเลิกเช่าทันที แต่โดนทวงค่าผิดสัญญา 200%
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หญิงสาวคนหนึ่งได้เช่าบ้านอาศัยอยู่กับเพื่อนอีกสองคน เป็นบ้านที่มี 3 ห้องนอน และ 1 ห้องนั่งเล่น ผ่านการแนะนำของบริษัทที่เป็นนายหน้าให้เช่าบ้าน ตามความทรงจำของเธอ เมื่อเธอวันที่เธอไปตรวจสอบบ้านพร้อมกับตัวแทนบริษัท เธอได้กลิ่นแปลกๆ ทันทีที่เธอเดินเข้าไป และก็สังเกตเห็นว่าการตกแต่งภายในดูใหม่มากๆ
ต่อมา เธอและเพื่อนๆ ได้เซ็นสัญญาเช่ากับบริษัทตัวกลางดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ จ่ายเงินมัดจำค่าเช่าจำนวน 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมคนกลาง, ค่าธรรมเนียมทรัพย์สิน , ค่ามัดจำไฟฟ้า , ค่าอินเทอร์เน็ต ฯลฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,750 หยวน (ประมาณ 72,000 บาท) ก่อนย้ายเข้าไปอาศัยอยู่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เพียงหนึ่งเดือนหลังจากย้ายเข้ามา พวกเธอก็มีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ผมร่วง วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ และเจ็บคอ ต่อมาจึงตัดสินใจติดต่อหน่วยงานให้เข้าทดสอบสาร “ฟอร์มาลดีไฮด์” ในบ้าน และผลปรากฏว่าปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์ในบ้านอยู่ที่ 0.331 มก./ลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานซึ่งกำหนดไว้ที่ 0.080 มก./ลบ.ม. อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังพบสารเบนซีน, โทลูอีน และไซลีน ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเกณฑ์เกินค่ามาตรฐาน
ทั้งนี้ ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) คือสารเคลือบที่มักพบในเฟอร์นิเจอร์จากไม้อัด,แผ่นฉนวนกันเสียง และวัสดุตกแต่งอื่นๆ จากการตรวจสอบตาม “มาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคาร” (GB/T18883-2022) หลังจากปิดประตูและหน้าต่าง รวมทั้งระบบระบายอากาศ เป็นเวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์ภายในอาคารไม่ควรเกิน 0.080 มก./ลบ.ม. เพราะเมื่อปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์ในอาคารสูงเกินมาตรฐาน ร่างกายมนุษย์อาจมีอาการต่างๆ เช่น แสบตา รู้สึกไม่สบายในจมูกและคอ วิงเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอก ในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นทำให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งหลังโพรงจมูก
เมื่อทราบสาเหตุของอาการผิดปกติทางร่างกาย เธอจึงส่งรายงานผลการทดสอบไปยังบริษัทนายหน้าจัดหาบ้านหลังนี้ เพื่อขอเงินคืนในส่วนที่ควรจะได้รับ “เราไม่ได้ให้พวกเขาคืนเงินทั้งหมด เราพักอยู่หนึ่งเดือน จึงยินดีให้ค่าเช่าสำหรับเดือนนี้ถูกหักออก แต่เงินมัดจำที่เหลือจะต้องคืนให้เรา” แต่สุดท้ายคำร้องขอของเธอกลับถูกปฏิเสธ อีกทั้งยังถูกตัวแทนบล็อกช่องทางการติดต่อ ส่วนบริษัทยืนยันว่า “การย้ายออกเป็นการผิดสัญญา และตามสัญญาจะต้องจ่ายค่าปรับ 200% ของค่าเช่ารายเดือน “
หลังจากเจรจาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายเธอและเพื่อนๆ ก็ย้ายออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ในวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อมาจากบริษัท เพื่อแจ้งว่า “สามารถจัดหาเครื่องกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์ให้ได้” และไม่มีข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมมากกว่านั้น ค่าเช่าและเงินมัดจำยังไม่ได้รับคืน กระทั่งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นักข่าวได้ยื่นมาเข้าช่วยเหลือ โดยการโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ตัวแทนอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย ส่วนคำตอบจากบริษัทคือ “กำลังดำเนินการอยู่”