ถึงแม้ Apple จะเคลมว่า iPhone 16 รุ่นใหม่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น แต่ผู้ใช้หลายคนก็ยังพบปัญหาแบตหมดไวอยู่ ซึ่งอาจเกิดจากฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือบั๊กของ iOS 18 ซึ่งหลายคนก็อยากได้วิธีประหยัดไฟ iPhone แน่นอน วันนี้เรามี 22 Tips ที่ชวยให้คุณประหยัดไฟใน iPhone แบบง่ายๆ พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย
22 วิธีประหยัดไฟใน iPhone 16
1. ปิด iPhone Mirroring
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ควบคุม iPhone ผ่าน Mac และรับการแจ้งเตือนบน Mac ได้ แต่การเชื่อมต่อนี้อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่
วิธีปิด: ไปที่ Settings > General > AirPlay and Continuity > Edit > ลบ Mac ที่เชื่อมต่อ
2. ลบ Widget บนหน้าจอ Home และ Lock Screen
Widget แม้จะสะดวก แต่ก็กินแบตเตอรี่ ลองลบ Widget ที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือตั้งค่า Lock Screen แบบไม่มี Widget สำหรับใช้งานเมื่อแบตใกล้หมด
3. ใช้ Dark Mode และ Dark Mode Icons
หน้าจอ OLED จะใช้พลังงานน้อยลงเมื่อแสดงผลสีเข้ม การใช้ Dark Mode และไอคอนสีเข้ม จึงช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้
4. ระวังหน้าเมนู Control Center Controls
เอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหวใน Control Center โดยเฉพาะ Music Control และ Home app controls อาจทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ลองลบ Control ที่ไม่จำเป็นออก
5. ลบปุ่มควบคุมบน Lock Screen
อีกสิ่งที่สามารถป้องกันการเผลอเปิดไฟฉายหรือกล้องโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งทำให้เปลืองแบตเตอรี่ โดยลบปุ่มเหล่านี้ออกจาก Lock Screen
6. ปิด ProMotion Display
หลายคนอาจจะมอง่า ProMotion Display เป็นฟีเจอร์ให้จอลื่นและสวยงาม แต่มันกินไฟมาก ดังนั้นการลดอัตรารีเฟรชหน้าจอจาก 120Hz เหลือ 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำได้โดยเปิด Low Power Mode หรือไปที่ Settings > Accessibility > Motion > Limit Frame Rate
7. ปิด Live Activities
Live Activities ที่แสดงผลบน Lock Screen หรือ Dynamic Island อาจทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ปิดได้ที่ Settings > Face ID & Passcode > Live Activities
8. ปิด Proximity AirDrop Sharing
ฟีเจอร์แชร์ AirDrop เมื่อ iPhone อยู่ใกล้กัน อาจทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ปิดได้ที่ Settings > General > AirDrop > Bringing Devices Together
9. ใช้ Offline Maps
ดาวน์โหลดแผนที่ไว้ล่วงหน้า เพื่อใช้งานแบบออฟไลน์ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่เมื่ออยู่ในพื้นที่สัญญาณไม่ดี เพราะเมื่อมือถือต้องการสัญญาณก็จะบูสต์สัญญาณและทำให้กินไฟมากขึ้น
10. ปิด Haptic Keyboard Feedback
การสั่นเมื่อพิมพ์ แม้จะให้ความรู้สึกที่ดี แต่ก็ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ปิดได้ที่ Settings > Sounds & Haptics > Keyboard Feedback > Haptic
11. ปิด Always-On Display
Always-On Display ที่แสดงเวลาและข้อมูลบนหน้าจอตลอดเวลา แม้จะใช้พลังงานต่ำ แต่ก็ยังทำให้เปลืองแบตเตอรี่มากกว่าการปิดหน้าจอ และอาจจะทำให้หน้าจอเสียไวด้วย
12. ใช้ Focus Modes
Focus Modes ช่วยลดการแจ้งเตือน ซึ่งส่งผลให้ประหยัดแบตเตอรี่ ตั้งค่าได้ใน Settings > Focus
13. ใช้ Scheduled Summary
รวมการแจ้งเตือนจากแอพที่ไม่สำคัญ แล้วส่งให้เป็นรอบๆ เช่น วันละ 2 ครั้ง ช่วยลดการแจ้งเตือนและประหยัดแบตเตอรี่
14. จำกัดการเข้าถึงตำแหน่ง
จำกัดแอพที่เข้าถึงตำแหน่ง และความถี่ในการเข้าถึง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ตั้งค่าได้ใน Settings > Privacy & Security > Location Services
15. จำกัดแอพที่ใช้ Bluetooth
ตรวจสอบแอพที่ใช้ Bluetooth และปิดการเข้าถึงสำหรับแอพที่ไม่จำเป็น ตั้งค่าได้ใน Settings > Privacy & Security > Bluetooth
16. ใช้ Low Power Mode
Low Power Mode ช่วยลดการทำงานเบื้องหลัง และจำกัดการใช้พลังงาน เปิดใช้งานได้จาก Control Center หรือ Settings > Battery
17. ใช้ Wi-Fi ในโหมด Airplane Mode
เชื่อมต่อ Wi-Fi แทนการใช้ Cellular และเปิด Airplane Mode เมื่ออยู่ในพื้นที่สัญญาณไม่ดี เพื่อประหยัดแบตเตอรี่
18. จัดการแอพที่ใช้แบตเตอรี่มาก
ตรวจสอบแอพที่ใช้แบตเตอรี่มากที่สุด และจำกัดการใช้งาน หรือลบแอพที่ไม่จำเป็น ดูข้อมูลได้ใน Settings > Battery
19. จำกัด Background Activity
ปิด Background App Refresh หรือเลือกให้แอพรีเฟรชเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ตั้งค่าได้ใน Settings > General > Background App Refresh
20. เปลี่ยนการตั้งค่า Mail
ปิด Push และปรับ Fetch settings เพื่อลดความถี่ในการเช็คอีเมล ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ตั้งค่าได้ใน Settings > Mail > Accounts > Fetch New Data
21. นำ AirTags ออก
AirTag ที่เชื่อมต่อกับ iPhone อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ นำออกหากไม่ได้ใช้งาน เพราะตัวเครื่องจะมีการร้องหาตลอดเวลา
22. รักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ตั้งค่า Optimized Battery Charging เพื่อจำกัดการชาร์จไม่เกิน 80% ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ในระยะยาว ตั้งค่าได้ใน Settings > Battery > Battery Health & Charging ต้องบอกก่อนว่าวิธีสุดท้ายอาจจะไม่ได้ทำให้ iPhone อยู่ได้นาน แต่หลายคนยืนยันแล้วว่าวิธีนี้จะทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น เพราะรอบการชาร์จถูกใช้งานที่น้อยลง
เป็นอย่างไรกับวิธีทั้งหมดนี้ สามารถช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย ยังไงก็ลองปรับใช้กันดูนะครับ