21 ภาคีชาวเกาะ จับมือ 23 องค์กร ประกาศ “ปฎิญญาเกาะเต่า” ครั้งแรกในไทย ร่วมปกป้องทะเล

Home » 21 ภาคีชาวเกาะ จับมือ 23 องค์กร ประกาศ “ปฎิญญาเกาะเต่า” ครั้งแรกในไทย ร่วมปกป้องทะเล
21 ภาคีชาวเกาะ จับมือ 23 องค์กร ประกาศ “ปฎิญญาเกาะเต่า” ครั้งแรกในไทย ร่วมปกป้องทะเล

ภาคีชาวเกาะ 21 เกาะสานพลัง 23 องค์กร ประกาศปฎิญญาเกาะเต่า มุ่งสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ร่วมปกป้องทะเลในวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day)

กรมการท่องเที่ยว สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า เทศบาลตำบลเกาะเต่า ร่วมกับประชาคมชาวเกาะ จำนวน 21 เกาะ ประกอบด้วย เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะทะลุ เกาะพิทักษ์ เกาะพะลวย เกาะพยาม เกาะภูเก็ต เกาะราชา เกาะลันตา เกาะคอเขา เกาะพระทอง เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย เกาะหลีเป๊ะ เกาะพีพี เกาะปู เกาะจัม เกาะลิบง เกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะเต่า และองค์กรภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ จำนวนกว่า 23 องค์กร ร่วมประกาศ “ปฎิญญาเกาะเต่า” ที่หาดทรายรี ตำบลเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และ การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เนื่องในวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day)

คุณจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า เกาะเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ และสะสมชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่พบเฉพาะถิ่นมากที่สุด ซึ่งถูกจัดให้เป็นพื้นที่วิกฤติทางความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความเปราะบาง และเสี่ยงต่อภาวะคุกคามสูง และเกาะยังเป็นจุดหมายปลายทางเพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเลและชายหาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ภาคชุมชน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้และเติบโตจากระดับฐานราก และเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ และต้องยอมรับว่า ภาวะโลกรวน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และโรคอุบัติใหม่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อธิบดีกล่าวว่า “ด้วยการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG: เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่มีวิสัยทัศน์ให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน โดยคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและ ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนในระดับสากลที่สำคัญ เช่น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กรอบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกคุนหมิง-มอนทรีออล ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 โครงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน One Planet ปฏิญญากลาสโกว์: ความมุ่งมั่นต่อทศวรรษของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศของภาคการท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมเนื่องในวันมหาสมุทรโลก ของวันที่ 8 มิถุนายนของทุกปี การประกาศความมุ่งมั่นของประชาคมชาวเกาะวันนี้จึงถือเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกวันของประเทศไทย”

ขณะที่ คุณนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การประกาศ “ปฏิญญาเกาะเต่า” ใน “วันมหาสมุทรโลก” (World Ocean Day) นี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเปิดมิติใหม่ของการพัฒนาและการจัดการเกาะท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ตามกิจกรรมเชิงสัญญลักษณ์ที่มีการส่งมอบบ้านปลาให้ชาวประมง เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เสมือนเป็นการปักหมุดแสดงการปกป้องทรัพยากรทางทะเล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและวิถีชีวิตของชุมชนชาวเกาะ ในวันที่ระดับน้ำทะเลกำลังเปลี่ยนไป

คุณณรงค์ฤทธิ์ ทองนวล กำนันตำบลเกาะเต่า ร่วมกับตัวแทนผู้นำ 5 เกาะ คุณอังคณา ธเนศวิเศษกุล รองประธาน มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนภูเก็ต คุณธีระศักดิ์ สรวมชีพมาเสือ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด-เกาะช้าง คุณรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย คุณวิชิต ยะลา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา และ คุณพลับพลึง เพิ่มทรัพย์ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะกูด ได้ร่วมอ่านคำกล่าว “ปฏิญญาเกาะเต่า มีสาระสำคัญ 10 ข้อ คือ 1. จัดทำแผนและดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 2. ดำเนินการตามมาตรฐานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนทั้งระดับชาติและระดับสากล 3. วัดและเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกาะ 4. ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในภาคการท่องเที่ยวเกาะ ซึ่งรวมถึงการขนส่ง สาธารณูปโภค ที่พัก กิจกรรม อาหารและเครื่องดื่ม และการจัดการขยะ ให้เป็นรูปธรรม 5. ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการท่องเที่ยวเกาะ ตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และหน่วยงานในระดับสากลที่เกี่ยวข้อง 6.สนับสนุนหรือดำเนินโครงการคุ้มครองและฟื้นฟูระบบนิเวศ โดยเฉพาะการส่งเสริมแนวทางการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solution) สำหรับการท่องเที่ยวเกาะ 7.ดำเนินการจัดการขยะและของเสียบนเกาะโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG และมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 8. ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเกาะที่ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว 9. ส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกาะ ทั้งด้านการแบ่งปันข้อมูล การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การดำเนินงานร่วมกัน การแบ่งปันผลประโยชน์ การคุ้มครองกลุ่มเปราะบางและชุมชนท้องถิ่น 10. ส่งเสริมการดำเนินงานที่สนับสนุนด้านการเงินอย่างยั่งยืน และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

พร้อมส่งมอบบ้านปลาให้ชาวประมง เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เนื่องในวันมหาสมุทรโลกเชิงสัญลักษณ์ว่า พวกเราจะร่วมปกป้องทรัพยากรทางทะเล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและวิถีชีวิตของชุมชนชาวเกาะ ในวันที่ระดับน้ำทะเลกำลังเปลี่ยนไป (Protect Ocean: Tides are changing)

การประกาศปฎิญญาเกาะเต่าครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 9 มิถุนายน 2566 ณ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

ทั้งนี้ กลุ่มเดนท์สุ และ บริษัทในเครือฯ ได้ร่วมผนึกพลังในฐานะที่ปรึกษาแผนยุทธศาสตร์ และพันธมิตรสื่อ พร้อมเป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายและเป็นกระบอกเสียงให้ผู้คนในสังคมตระหนักรู้ มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน พร้อมปลุกสำนึกผู้คนในสังคมปกป้องทะเลในวันมหาสมุทรโลก พร้อมผลักดันวาระแห่งชาติสู่ความสำเร็จ ‘ลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์’ 

ทั้งนี้ คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การตลาดและนวัตกรรม กลุ่มเดนท์สุ กล่าวว่า “เดนท์สุ พร้อมร่วมผนึกกำลังผู้นำทางความคิด ช่วยจุดประกายสำนึกปณิธานการท่องเที่ยวด้วยความรับผิดชอบ พุ่งเป้าการพัฒนาที่ยั่งยืนสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม ปลุกสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของชาติให้สามารถดำรงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้ การสร้างคุณค่าและการตระหนักรู้ เพื่อการพัฒนาความยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังของพันธมิตรระบบนิเวศธุรกิจทุกภาคส่วน ที่เดนท์สุ เราให้ความสำคัญการพัฒนาความยั่งยืน 3 มิติ ได้แก่ รู้รักษ์โลก (PLANET) ปลุกสำนึกผู้คน (PEOPLE) และ เชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร (PARTNERING) จะสามารถผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์วาระระแห่งชาติ ‘Net Zero Emissions’ พร้อมยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยสู่การเป็น Sustainable Tourism Destination ผสานรวมเข้ากับแนวคิด BCG Economy โมเดลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้สำเร็จครอบคลุมทุกมิติ”

[Advertorial]

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ