20 สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใช้เงินซื้อนักเตะใหม่รวมกันถึง 1,020 ล้านปอนด์ ในตลาดช่วงซัมเมอร์ ฤดูกาล 2021-22 แต่ละทีมใช้เงินไปเท่าไหร่กันบ้าง ติดตามได้ที่ Main Stand
หมายเหตุ: ตัวเลขของบางทีมอาจต่ำกว่าปกติ เนื่องจากตัวเลขเน้นเฉพาะดีลที่มีการเปิดเผยค่าตัวเป็นหลัก
1. อาร์เซนอล (156.8 ล้านปอนด์) : “เดอะ กันเนอร์ส” แม้จะรั้งอันดับสุดท้ายของตารางคะแนนหลังลีกสูงสุดอังกฤษเปิดฉากไป 3 นัด แต่ในตลาดนักเตะครั้งนี้พวกเขาคืออันดับ 1 โดยทุ่มทุนไปทั้งสิ้นถึง 156.8 ล้านปอนด์ สำหรับค่าตัวของ เบน ไวท์ (50 ล้านปอนด์), มาร์ติน โอเดนการ์ด (34 ล้านปอนด์), อารอน แรมส์เดล (30 ล้านปอนด์), ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (19.8 ล้านปอนด์), อัลเบิร์ต โลก็องก้า (15 ล้านปอนด์) และ นูโน่ ตาวาเรส (8 ล้านปอนด์)
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (133.7 ล้านปอนด์) : เรียกเสียงฮือฮามากที่สุดด้วยการกวาดสตาร์ดังเข้าทีม ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตำนานของทีมที่ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับถิ่นที่สร้างชื่ออีกครั้งด้วยค่าตัว 19.7 ล้านปอนด์, ราฟาเอล วาราน กองหลังจาก เรอัล มาดริด และ เจดอน ซานโช่ ปีกทีมชาติอังกฤษ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รวมแล้วเป็นเงิน 133.7 ล้านปอนด์
3. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (100 ล้านปอนด์) : แชมป์เก่าจากฤดูกาล 2020-21 อย่าง “เรือใบสีฟ้า” แม้ได้ แจ็ค กรีลิช จาก แอสตัน วิลล่า เพียงรายเดียว แต่มีค่าตัวสูงที่สุดในตลาดครั้งนี้ถึง 100 ล้านปอนด์
4. เชลซี (97.5 ล้านปอนด์) : “สิงห์บลูส์” เสียเงินซื้อนักเตะแค่รายเดียวเช่นกัน โดยยอมจ่ายถึง 97.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึง โรเมลู ลูกากู กองหน้าจากอินเตอร์ มิลาน กลับมาล่าตาข่าย แต่พวกเขาได้ตัว ซาอูล นิเกซ จาก แอตเลติโก มาดริด จากการยืมตัวด้วย
5. แอสตัน วิลล่า (93 ล้านปอนด์) : ได้เงินจากการขาย แจ็ค กรีลิช ทำให้พวกเขามีงบช้อปปิ้งจนขึ้นมาติดท็อป 5 โดยแข้งใหม่นำโดย เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย กองกลางชาวอาร์เจนตินา ค่าตัวสถิติสโมสร 40 ล้านปอนด์, แดนนี่ อิงส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ และ ลีออน เบลี่ย์ ปีกตัวจี๊ดไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
6. เวสต์แฮม (63.3 ล้านปอนด์) : จากเงินจำนวนนี้ ทีมขุนค้อนได้ตัว นิโกลา วลาซิช เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโครเอเชียจาก ซีเอสเคเอ มอสโก รวมถึง เคิร์ต ซูม่า เซ็นเตอร์แบ็กชาวฝรั่งเศส จาก เชลซี และ เคร็ก ดอว์สัน เซ็นเตอร์แบ็กอีกคนจาก วัตฟอร์ด มาเสริมทัพ
7. ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ (57.1 ล้านปอนด์) : ซัมเมอร์นี้ ทีมไก่เดือยทองจ่ายเงินปิดดีล เอเมอร์ซอน รอยัล แบ็คขวาจาก บาร์เซโลน่า, ไบรอัน กิล แนวรุกดาวรุ่งชาวสเปนจาก เซบียา และ ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ จาก เม็ตซ์ ขณะที่ คริสเตียน โรเมโร่ ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ ที่ได้มาจาก อตาลันตา เป็นดีลยืมตัว
8. เลสเตอร์ ซิตี้ (55 ล้านปอนด์) : ทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ทุ่มทุนซื้อ แพตสัน ดาก้า กองหน้าทีมชาติแซมเบีย จากเรดบูล ซัลซ์บวร์ก มาเป็นตัวเลือกในแดนหน้าในราคา 23 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมี, บูบาการี ซูมาเร่ มิดฟิลด์จาก ลีลล์ ทีมแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาล 2020-21 17 ล้านปอนด์ และ ยานนิก เวสเตอร์การ์ด เซ็นเตอร์แบ็กจาก เซาธ์แฮมป์ตัน 15 ล้านปอนด์ และยังมี ไรอัน เบอร์ทรานต์ ที่ได้มาฟรีจาก เซาธ์แฮมป์ตัน อีกคน
9. ลีดส์ ยูไนเต็ด (43 ล้านปอนด์) : คว้าตัว แดเนียล เจมส์ ปีกตัวจี๊ดจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาในราคา 25 ล้านปอนด์, จูเนียร์ ฟีร์โป แบ็กซ้ายจาก บาร์เซโลน่า 13 ล้านปอนด์ รวมถึง คริสตอฟเฟอร์ แคลสสัน นายทวารสำรองจาก วาเลอเรนกา และ แจ็ค แฮร์ริสัน ที่ซื้อตัวจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมถาวร
10. ลิเวอร์พูล (36 ล้านปอนด์) : อีกหนึ่งทีมที่ทุ่มทุนให้กับนักเตะเพียงรายเดียว ด้วยการดึง อิบราฮิมา โคนาเต้ ปราการหลังจาก แอร์เบ ไลป์ซิก มาเสริมแกร่ง
11. ไบรท์ตัน (32.1. ล้านปอนด์) : ขาย เบน ไวท์ ให้อาร์เซนอล ทำให้มีเงินช้อปแข้งใหม่หลายราย นำโดย เอนนอค เอมวีปู กองกลางชาวแซมเบีย จาก เรดบูล ซัลซ์บวร์ก 20.7 ล้านปอนด์ และ คาโอรุ มิโตมะ ปีกทีมชาติญี่ปุ่นชุดโอลิมปิก 2020 จาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่
12. นอริช ซิตี้ (31.9 ล้านปอดน์) : น้องใหม่พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ อาศัยการซื้อผู้เล่นค่าตัวต่ำกว่า 10 ล้านปอนด์เป็นหลัก นำโดย คริสตอส โซลิส ปีกดาวรุ่งทีมชาติกรีซ จาก พีเอโอเค รวมถึง 2 แข้งจาก แวร์เดอร์ เบรเมน อย่าง มิลอต ราชิก้า และ จอร์ช ซาร์เจนท์ เช่นเดียวกับ แองกัส กันน์ ผู้รักษาประตูสำรองที่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน กลับมาเล่นให้กับทีมบ้านเกิด
13. เบรนท์ฟอร์ด (31.1 ล้านปอนด์) : อีกทีมน้องใหม่ ที่ตลาดนี้ลงทุนซื้อผู้เล่นหลายราย นำโดย คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์ กองหลังจาก กลาสโกว์ เซลติก มาคุมแนวรับในราคา 13.5 ล้านปอนด์ กับ โยอัน วิสซ่า กองหน้าจาก ลอริยองต์ มาล่าตาข่าย ในราคา 8.5 ล้านปอนด์
14. คริสตัล พาเลซ (28.5 ล้านปอนด์) : ตลาดรอบนี้ “ดิ อีเกิ้ลส์” ไม่ได้เสริมทัพมากนัก โดยผู้เล่นคนสำคัญที่ความมาร่วมทีม นำโดย วิล ฮิวจ์ส จาก วัตฟอร์ด, อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสของ กลาสโกว์ เซลติก และ มาร์ค เกฮี เซ็นเตอร์แบ็กเชลซี
15. นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (25 ล้านปอนด์) : “เดอะ แม็คพายส์” ยังคงนโยบายไม่ใช้เงินเยอะเช่นเคย โดยเบอร์ใหญ่ในตลาดรอบนี้มีเพียง โจ วิลล็อค กองกลางวัย 21 ปี จาก อาร์เซน่อล ขณะที่ ซานติอาโก มูนยอซ ที่ยืมจาก ซานโตส ลากูน่า ทีมคงหวังว่านักเตะจะสร้างปาฏิหาริย์เหมือน ซานติอาโก มูนเยซ นักเตะชื่อคล้ายที่เข้ามาเปลี่ยนทีมสาลิกาดงในภาพยนตร์ GOAL!
16. เบิร์นลี่ย์ (17.5 ล้านปอนด์) : แม็กซ์เวล กอร์เนต์ ปีกตัวจี๊ดทีมชาติไอวอรีโคสต์ ของ โอลิมปิก ลียง กับ นาธาน คอลลินส์ เซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งจาก สโต๊ก ซิตี้ เป็นเพียง 2 รายที่ทีมควักกระเป๋าซื้อมาร่วมทัพ ทว่าในส่วนของคอลลินส์นั้นไม่มีการเปิดเผยค่าตัว
17. วูล์ฟแฮมป์ตัน (16.4 ล้านปอนด์) : เน้นดึงนักเตะจากนอกลีกมาลองฝีเท้า นำโดย ยอร์สัน มอสเกร่า เซ็นเตอร์แบ็กจาก แอตเลติโก นาซิอองนาล, เบนเดกูซ โบลล่า แบ็กขวาจาก กราสฮ็อปเปอร์ ซูริค, ราย็อง เอต-นูรี่ แบ็กซ้ายจาก อองเช่ส์ ขณะที่ ฮวาง ฮี-ชาน ยืมตัวมาจาก เรดบูล ซัลซ์บวร์ก และแน่นอนตามนโยบายของทีมหมาป่า ย่อมต้องมีนักเตะโปรตุเกสมาร่วมถ้ำ ทั้ง โชเซ่ ซา ผู้รักษาประตูจาก โอลิมเปียกอส ที่มาด้วยสัญญาถาวร รวมถึง ฟราสซิสโก้ ตรินเกา ที่ยืมตัวจาก บาร์เซโลน่า
18. เซาธ์แฮมป์ตัน (15 ล้านปอนด์) : อดัม อาร์มสตรอง กองหน้าจากแบล็คเบิร์น ถูกดึงเข้ามาล่าตาข่ายแทน แดนนี่ อิงส์ ในราคา 15 ล้านปอนด์ ส่วนที่เหลือ หากไม่เปิดเผยค่าตัว ก็เน้นการเซ็นฟรี อย่างในกรณีของ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่กลับจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นให้ทีมแจ้งเกิดอีกครั้ง
19. วัตฟอร์ด (4.5 ล้านปอนด์) : มุสซา ซิสโซโก้ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสจาก ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ถูกซื้อมาเพิ่มตัวเลือกในแดนกลาง ส่วนที่เหลืออย่าง แดนนี่ โรส ที่ย้ายมาจาก สเปอร์ส เช่นกัน, โจชัว คิง และ ยูราย คุชก้า เน้นเซ็นฟรีหรือไม่เปิดเผยค่าตัว
20. เอฟเวอร์ตัน (1.6 ล้านปอนด์) : เสียเงินซื้อ เดมาไร เกรย์ ปีกตัวจี๊ดจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลับมาค้าแข้งที่บ้านเกิดอีกครั้งเพียงรายเดียว นอกนั้นทั้ง ซาโลมอน รอนดอน, แอนดรอส ทาวน์เซนด์, อัสเมียร์ เบโกวิช และ แอนดี้ โลเนอร์แกน เซ็นฟรีทุกคน